สวัสดีค่ะทุกคน
ชิฟูมิ มายด้า ผู้บริหารสาวชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมบล็อก
“รีวิวจริงจากผู้บริหารสาวชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” นะคะ
วันนี้จะมารีวิว RAKxa Wellness ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อไม่นานมานี้
ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยเขียนเกี่ยวกับ
“ข้อดีของการเข้าพักที่ Wellness resort และรีสอร์ทเพื่อสุขภาพ 5 แห่งในประเทศไทย” ไปแล้ว
ดิฉันสนใจด้านสุขภาพมาก่อนอยู่แล้ว รวมถึง “เวชศาสตร์การป้องกัน (Preventive Medicine)”
ซึ่งเป็นศาสตร์ทางการแพทย์ที่ให้ความสำคัญต่อการป้องกันการเจ็บป่วยด้วยค่ะ
Wellness Retreat เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาเข้าพักเพื่อผ่อนคลาย
พร้อมสัมผัสประสบการณ์จริงและเรียนรู้การมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ
และในวันนี้ก็จะมารีวิว RAKxa Wellness นั่นเองค่ะ
RAKxa Wellness: Wellness Retreat ใหม่ใจกลางธรรมชาติที่ตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพ
Wellness & Medical Retreat เป็นรีสอร์ทเปิดใหม่ในตำบลบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ
สามารถขับรถจากกรุงเทพฯ มาได้โดยใช้เวลาแค่ประมาณ 30 นาที
บางกระเจ้าอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ โดยขับรถตรงมาประมาณ 4 กิโลเมตร
ตัวรีสอร์ทตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ครอบคลุมพื้นที่สีเขียวล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันสวยงาม จึงเรียกกันว่า “Green lung”
สามารถนั่งเรือจากคลองเตยหรือบางนามาได้ ดิฉันเองก็เคยปั่นจักรยานไปเช่นกัน
เมื่อไม่กี่ปีก่อนเพิ่งสร้างสะพานเสร็จเลยขับรถไปได้ สะดวกขึ้นมากเลยค่ะ
RAKxa ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่มีที่ดินกว้างถึง 200 ไร่ (ประมาณ 320,000 ตรม.)
เป็นรีสอร์ท Wellness โดยเฉพาะเลย
จุดที่ทำให้รู้สึกแตกต่างจาก Wellness Retreat ที่อื่นในไทยคือ
ที่นี่ “ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม” แต่ “มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล”
เป็นรีสอร์ทที่สร้างขึ้นจากโปรเจ็คร่วมกันระหว่าง Minor Group เจ้าของโรงแรมอนันตรา (Anantara Hotel)
และโรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ (Bamrungrad Hospital)
จุดเด่นของ RAKxa Wellness & Medical Retreat
การได้รับประโยชน์จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่ RAKxa Retreat
จุดเด่นอันดับแรกของ RAKxa คือมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในหลายสาขาครบครัน
อันดับแรกเมื่อมาถึง RAKxa จะได้เข้ารับคำปรึกษาด้าน Health and Wellness จากพยาบาล
ก่อนเข้าพักจะได้รับ “แบบสอบถามด้าน Wellness and Health”
ให้กรอกข้อมูลด้านสุขภาพของตัวเองในปัจจุบันลงไปอย่างละเอียด
กำหนดการระหว่างเข้าพักจะกำหนดจากการเข้ารับคำปรึกษาในครั้งนี้
ตอนเข้ารับคำปรึกษาจะทำได้เพียงครั้งละ 1 คน
ดังนั้นนอกเหนือจากเวลาอาหาร 3 มื้อแล้ว ดิฉันต้องแยกกับสามีเพื่อไปทำกิจกรรมค่ะ
จากนั้นก็จะไปเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอ
และด้วยความที่เป็นรีสอร์ทที่อยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ภายใน Retreat เลยมี Vitallife รวมอยู่ด้วย
Vitallife คือศูนย์ส่งเสริมสุขภาพที่มีแพทย์คอยประจำอยู่และคอยให้คำแนะนำในหลายๆ ด้าน
ทั้งทางด้านเวชศาสตร์การชะลอวัย ภูมิคุ้มกัน หรือการป้องกันต่างๆ
คุณหมอจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาทางด้านจิตใจและร่างกายในปัจจุบันของเรารวมถึงวิธีการแก้ปัญหา
โดยอ้างอิงจากแบบสอบถามที่ให้เรากรอกตอนแรกอย่างละเอียด
ให้ฟีลคล้ายกับเป็นการกำหนดแนวทางการรักษาค่ะ
ที่นี่มีนักกายภาพบำบัดและนักกิจกรรมบำบัดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่ด้วย
สามารถไปเข้ารับคำแนะนำที่ยิมเป็นการส่วนตัวได้ค่ะ
ดิฉันได้วัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกับความสมดุลของร่างกาย
ส่วนสามีได้ลองถ่ายภาพท่าทางการเดินและวัดรูปแบบการขยับของร่างกายและองศาของขา
ในการวัดเราจะได้รู้นิสัยและปัญหาในการใช้ร่างกายของตัวเอง
และผู้เชี่ยวชาญก็จะแนะนำวิธีการแก้ปัญหาในส่วนนี้มาให้อย่างละเอียดค่ะ
การได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นในอีกมุมมองหนึ่ง
พอได้รู้แล้วยังได้รับคำแนะนำในการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย ถือว่ามีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ
ระหว่างเข้าพักสามารถไปร่วมคลาสต่างๆ ที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ได้ด้วยนะคะ
ดิฉันลองไปเข้าคลาสคลายกล้ามเนื้อกับยืดกล้ามเนื้อมาค่ะ
ภายในคลาสจะสอนเกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของกล้ามเนื้อในเชิงทฤษฎี
ดังนั้นเราจะเข้าใจได้ว่ากล้ามเนื้อของเราทำงานอย่างไรเวลาที่เราขยับตัว เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีมากๆ ค่ะ
RAKxa: ภาพรวมของสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
RAKxa มีพื้นที่กว้างมากถึง 200 ไร่ (320,000 ตรม.) ภายในรีสอร์ทเลยมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้บริการมากมาย
ตอนนี้ตัวรีสอร์ทยังคงมีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ
ภายหลังคาดว่าน่าจะมีโรงพยาบาลกับศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเพิ่มมาอีก
อาคารจะแบ่งออกเป็น 4 ตึกใหญ่ๆ ดังนี้ค่ะ
Vitallife
ที่นี่จะมีคุณหมอคอยประจำอยู่
เป็นอาคารสำหรับเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ดิฉันมาฉีดน้ำเกลือดีท็อกซ์ตับ ส่วนสามีมาทำ Oxygen Therapy (ออกซิเจนบำบัด) ค่ะ
UNAM
เป็นร้านอาหารที่ให้บริการ Wellness cuisine ทั้ง 3 มื้อ
ในส่วนของอาหารจะรีวิวในภายหลังค่ะ
RAKxa Jai
เป็นอาคารสำหรับรับการบำบัดต่างๆ เช่น Hydro Therapy (วารีบำบัด) และการนวด
ห้องเปลี่ยนชุดกับ Hydro Therapy จะแยกฝั่งชายหญิงชัดเจน
ด้านในโซน Hydro Therapy ไม่มีออนเซ็นธรรมชาติ
แต่จะมีบ่อเจ็ท (Jet Bath) กับ Neck Bath แบบน้ำร้อนเตรียมไว้ให้ค่ะ
แน่นอนว่ามี Wet Sauna กับ Dry Sauna ด้วยนะคะ
หลังจากแช่น้ำร้อนจนสบายตัวแล้วก็ไปต่อที่บูธ Rain Shower
โซนนี้ดิฉันชอบมากเพราะจะมี Amazon Rain forest
ที่เวลาใช้ฝักบัว น้ำจะแรงเหมือนถูกพายุฝนพัดตั้งแต่หัวลงมาเลย
พอผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ Hydro Therapy แล้วมานวดต่อเป็นอะไรที่วิเศษไปเลยค่ะ
RAKxa Gaya
อาคารนี้จะมีบริการต่างๆ ทั้งยิม พิลาทิส สระว่ายน้ำ และอื่นๆ อีกเพียบ
ดิฉันมาวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
และเข้าคลาสคลายกล้ามเนื้อกับยืดกล้ามเนื้อที่นี่ค่ะ
ภายในออกแบบมาให้มีพื้นที่กว้างขวางไม่อึดอัด
ตกแต่งแบบสบายๆ เหมาะสำหรับการผ่อนคลาย
ด้านในจะมีรถกอล์ฟคอยให้บริการ แต่ที่ห้องพักจะมีจักรยานให้ด้วย
ดิฉันแนะนำให้ปั่นจักรยานไปเองดีกว่าค่ะ
ตอนอยู่ที่นี่ดิฉันจะใช้จักรยานเสมอเลยค่ะ
ได้ออกมารับลมรับแสงในยามเช้ากับตอนกลางวัน
พร้อมชมความสวยงามของธรรมชาติที่พริ้วไหวไปตามลมแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากๆ
ประสบการณ์อาหารที่ RAKxa: ภาพรวมของตัวเลือกอาหาร
ที่ RAKxa มีบริการอาหาร 3 มื้อพร้อมน้ำชา
แต่ที่ดิฉันชอบมากที่สุดก็คงจะเป็นอาหารนี่ล่ะค่ะ
แน่นอนว่ารสชาติอร่อยมากอยู่แล้ว แต่ถ้ายิ่งสนใจเรื่องวิธีการทำกับการเลือกใช้วัตถุดิบด้วยแล้วก็จะยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก
ปกติที่ Wellness Retreat จะมีอาหารให้บริการ 3 มื้อ
ในหนึ่งชุดจะประกอบไปด้วย สลัด→ซุป→จานหลัก→ของหวาน
ก่อนอาหารไม่มีเสิร์ฟไวน์ แต่จะเสิร์ฟเป็นน้ำเพื่อสุขภาพ Kombucha
ก่อนอาหารแทนซึ่งจะเปลี่ยนเมนูไปไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน
จุดที่ทำให้อาหารของ RAKxa ต่างไปจากที่อื่นคือ
ไม่มีเมนูไหนที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากนมวัว
แต่จะใช้นมถั่วเหลืองและนมอัลมอนด์แทน
ที่นี่จะมีอาหาร Gluten free (อาหารปลอดกลูเตน) เสิร์ฟให้ตามความต้องการของแขกที่มาพัก
ทั้งพวกขนมปังที่เสิร์ฟพร้อมอาหารกับคุกกี้ที่เสิร์ฟพร้อมชา ทุกอย่างเป็น Gluten free ทั้งหมดค่ะ
มีหลายคนมาพักที่นี่เพื่อจะช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก
ทางรีสอร์ทเลยมีการคำนวณสารอาหารและแคลลอรี่ที่จำเป็นต่อ 1 วันไว้ให้พร้อม
ดิฉันมาพักที่ Wellness Retreat บ่อยเพราะชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
แต่หลายคนพอได้ยินชื่อนี้แล้วมักจะคิดไปก่อนเลยว่าอาหารดูไม่น่าจะอร่อย
แต่อาหารที่ RAKxa แน่นอนว่ารสชาติดีมาก แถมหน้าตาก็น่ารับประทานด้วยค่ะ
เชฟของที่นี่มีวิธีการปรุงอาหารที่เป็นเอกลักษณ์
อาหารของที่นี่จะปรุงโดยไม่ใช้น้ำมันเลยแม้แต่หยดเดียว
แต่รสชาติที่ได้ออกมากลับอร่อยมากจนแปลกใจเลยจริงๆค่ะ
แถมไม่ปรุงด้วยเกลือเลยด้วย สุดยอดไปเลยใช่ไหมคะ
ขนาดสามีดิฉันที่ค่อนข้างจะเรื่องมากหน่อยก็พอใจกับอาหารของที่นี่เป็นอย่างมากค่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น จากที่ไม่ค่อยสนใจ Wellness Resort
แต่รอบนี้กลับบอกว่า “อยากมาอีก” ซะอย่างงั้นเลยค่ะ
บทสรุปเกี่ยวกับห้องพักแขกของ RAKxa
รอบนี้จองเป็นห้อง Garden Villa ค่ะ
ห้องพักของที่นี่จะเป็นรูปแบบ Villa แยกออกมาเป็นหลังๆ แบบนี้ค่ะ
ด้านในจะแบ่งห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำออกเป็นโซนๆ
ชัดเจนและกว้างมากค่ะ
ในห้องมีตู้เย็นพร้อมน้ำแร่และ Cold Press Juice เตรียมไว้ให้
บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบ มี Pillow Menu ด้วย นอนหลับสบายมาก
ช่วงเช้ากับค่ำๆ จะได้ยินเสียงแมลง
ไม่มีเสียงรถแทรกเลยรู้สึกว่าเงียบสงบดีมากค่ะ
อ่างอาบน้ำก็ใหญ่กำลังดี แต่ดิฉันทำ Hydro Therapy
ทุกวันอยู่แล้วเลยไม่มีโอกาสได้ลองแช่อ่างน้ำในห้องเลย
แถมวันๆ ก็เอาแต่ยุ่งอยู่กับการไปเข้าคลาสบ้าง ไปนวดบ้าง
จนรู้สึกเหมือนกลับห้องมาแค่เพื่อนอนเท่านั้น
เข้าใจค่าใช้จ่าย: ค่าบริการที่ RAKxa Wellness & Medical Retreat
รอบนี้ดิฉันพักด้วยแพ็กเกจ New You Resolution 3 วัน 2 คืน
ราคาตกอยู่ที่ 2 คน 70,000 บาทค่ะ (คนละ 35,000 บาท)
แต่ถ้ามาคนเดียวจะอยู่ที่ 39,800 บาทต่อคน
รายละเอียดกับราคาจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับแพ็คเกจที่เลือก ลองเช็คกันดูก่อนนะคะ
แต่ส่วนมากราคาจะรวมอาหาร 3 มื้อไว้ให้แล้วค่ะ
รายละเอียดที่ลงไว้ใน Facebook จะอ่านเข้าใจง่ายที่สุดค่ะ
https://www.facebook.com/RAKxawellness
ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ RAKxa Wellness & Medical Retreat
จบไปแล้วกับการรีวิว Wellness Retreat “RAKxa” ในวันนี้
เป็น Wellness Retreat ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มาก
ใครที่อยากจะหันมาใส่ใจสุขภาพในแต่ละวันของตัวเองให้มากขึ้น ก็ลองมาพักกันดูได้นะคะ
ไม่ว่าจะเป็นอาหาร กิจกรรมต่างๆ ล้วนจัดไว้เพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ
แถมยังได้รู้สภาพร่างกายและจิตใจในปัจจุบันของตัวเองด้วย ถือว่าเป็นประโยชน์มากๆ เลยนะคะ
ดิฉันหวังว่าบล็อกในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนเช่นกันนะคะ
ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ RAKxa Wellness & Medical Retreat
Homepage:https://www.rakxawellness.com/
กรุณาแสดงความคิดเห็นหากคุณชอบบทความนี้