สวัสดีค่ะทุกคน
ชิฟูมิ มายด้า ผู้บริหารสาวชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมบล็อก
“รีวิวจริงจากผู้บริหารสาวชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” นะคะ
ร้านที่ดิฉันอยากจะแนะนำในวันนี้คือ “Wagyu Shin”
ร้านอาหารเพียงหนึ่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่เสิร์ฟเนื้อโกเบไวน์
“เนื้อวากิว” (Wagyu) คืออะไร
แม้แต่ในไทยก็มักจะเห็นป้ายโฆษณาที่เขียนว่า “เนื้อวากิว” อยู่บ่อยครั้ง
แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว “เนื้อวากิว” แบ่งออกเป็น 4 ชนิดคือ
เนื้อวัวที่ได้จากวัว 4 สายพันธุ์นี้จะเรียกว่า “เนื้อวากิว”
จากวัวทั้งหมด 4 สายพันธุ์ “เนื้อวากิวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ” จะได้รับความนิยมสูงสุด
จนครองตลาดเนื้อวัวญี่ปุ่นได้มากถึง 90%
ดิฉันเลยคิดว่า “เนื้อวากิว” ที่หากินได้ในไทยส่วนมากน่าจะเป็นวัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำค่ะ
จริงๆ แล้วเนื้อวากิวพันธุ์ขนดำในโลกค่อนข้างจะมีความพิเศษและหายาก
วัวญี่ปุ่นจะมีการจำแนกตาม “สายพันธุ์” และ “Individual Identification Number” ทั้ง 10 หมายเลข
และยังสามารถติดตามข้อมูลสถานที่เพาะพันธุ์ (สายพันธุ์วัว การเลี้ยงดู มาตรฐานการคัดเลือกพันธุ์วัว) ได้อีกด้วย
ตามร้านอาหารทั่วไปเรามักจะเห็นคำว่า “วากิว (Wagyu)” กันบ่อยครั้ง
แต่บางทีอาจจะเป็นวากิวที่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลียหรือสหรัฐอเมริกาก็ได้
ซึ่งวัวที่เลี้ยงในประเทศออสเตรเลียหรือสหรัฐอเมริกาโดยใช้ชื่อว่า “วัวสายพันธุ์วากิว” นั้น
จะมีความแตกต่างจาก “วากิว” ที่มีการเลี้ยงดูและเพาะพันธุ์ในญี่ปุ่น
เนื้อโกเบไวน์ (Kobe Wine Beef) คืออะไร?
ร้าน Wagyu Shin ที่ดิฉันจะแนะนำในวันนี้เป็นร้านอาหารที่มีการเสิร์ฟเมนูพิเศษอย่าง “เนื้อโกเบไวน์” เป็นหลัก
เนื้อโกเบไวน์มาจากวัวที่เลี้ยงในฟาร์ม Hikami ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ท้องนาขนาดใหญ่ในเขตทัมบะ
ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเฮียวโกะเท่านั้น
เป็นวัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำที่เลี้ยงโดยให้กินกากองุ่นที่ใช้ในการทำไวน์ขึ้นชื่อของจังหวัดโกเบเป็นอาหาร
ดิฉันอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ตอนที่ยังอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น ดิฉันยังไม่เคยกินเนื้อโกเบไวน์เลยสักครั้ง
ประวัติความเป็นมาของร้าน Wagyu Shin
Wagyu Shin เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เชฟชินโดและภรรยาร่วมกันเปิดกิจการขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2020
โดยตัวร้านจะตั้งอยู่ในซอยเอกมัย 10 กรุงเทพฯ
เชฟชินโด(Chef Shindo)เคยเป็นหัวหน้าเชฟอยู่ที่ Conrad Bangkok
ก่อนมาประเทศไทยก็เคยทำงานด้านอาหารอยู่ที่สเปนและไต้หวันด้วย
แม้ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น
แต่มีการนำเสนออาหารต้นตำรับที่พัฒนาขึ้นด้วยการดึงจุดเด่นของแต่ละประเทศมาผสมผสานเข้าด้วยกัน
จนออกมาเป็นอาหารฝีมือเชฟชินโดที่หาทานได้แค่ที่ร้านนี้เท่านั้น
จนออกมาเป็นอาหารฝีมือเชฟชินโดที่หาทานได้แค่ที่ร้านนี้เท่านั้น
รีวิวร้าน Wagyu Shin
บรรยากาศภายในร้าน
เป็นร้านอาหารแนวบ้านเดี่ยว มีสวนสวยงามที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
มีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ที่สามารถทานไปด้วยดูเชฟชินโดทำอาหารไปด้วย และแบบโต๊ะสำหรับลูกค้า 2 คนขึ้นไป
แถมยังมีห้องแบบส่วนตัวสำหรับคนที่อยากนั่งทานอาหารแบบสงบๆ ด้วยนะคะ
เป็นร้านที่สามารถรองรับได้หลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารเชิงธุรกิจ มาเป็นคู่หรือมากับครอบครัว
ตัวร้านมีบรรยากาศที่ค่อนข้างสบายและเงียบสงบ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็น “สถานที่สำหรับผู้ใหญ่”
และเปิดทำการเฉพาะช่วงเย็นค่ะ
รีวิวอาหาร
ถ้าอยากชิมรสความอร่อยของเนื้อโกเบไวน์ แนะนำให้สั่งเป็นสเต็กค่ะ
ดิฉันสั่งสเต็กเนื้อโกเบไวน์ทุกครั้งที่มาทานเลย
พอได้ลองทานแล้วดิฉันรู้สึกประทับใจมากกับไขมันที่แทรกในเนื้อซึ่งกระจายอยู่เต็มปาก
ตัวเนื้อไม่ได้มีเพียงแค่ความนุ่มชุ่มฉ่ำเท่านั้น แต่ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อได้อีกด้วย
เป็นร้านที่ทำให้ดิฉันสัมผัสได้ถึงรสชาติของ “เนื้อวากิวที่สมกับเป็นวากิว” ซึ่งไม่ได้ทานมานานมากแล้วค่ะ
ที่ร้าน Wagyu Shin นอกจากสเต็กชั้นเลิศแล้ว
ยังมีอาหารอย่างอื่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและหาทานที่ร้านอื่นไม่ได้แน่นอนอีกหลายเมนูเลยค่ะ
อย่างแรกที่น่าตกใจมากคือจำนวนของเมนูนี่ล่ะค่ะ
ดิฉันคงอธิบายได้ไม่หมด เอาเป็นว่าลองดูเมนูจริงบางส่วนที่ดิฉันถ่ายมาฝากทุกคนกันดีกว่า
มีมากกว่า 100 เมนูเลยนะคะ
ดิฉันชอบสั่งเมนู “เนื้อโกเบโรสบีฟเย็นเสิร์ฟสไลซ์”
รูปร่างอาจจะเหมือน “เนื้อดิบ” แต่มีการปรุงด้วยอุณหภูมิต่ำมาเป็นอย่างดีค่ะ
ตัวเชฟเองเคยทำงานอยู่ที่สเปนมาก่อน เลยมีการใช้ชีสเพิ่มในจานอาหารด้วย
มีอาหารญี่ปุ่นอย่าง “เทมปุระ” และ “ของนึ่ง” ด้วย
เมนูเยอะมากจนเลือกสั่งไม่ถูกเลย
แนะนำให้เช็คเมนู “Today’s Special” ที่แนะนำโดยเชฟชินโดด้วยค่ะ
จะเป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่นำเข้ามาในแต่ละวัน
วันที่ดิฉันไปมีเมนู “Shishito Yaki (พริกเขียวย่าง)” ไซส์บิ๊กนำเข้าจากสเปนด้วยค่ะ
ดูจากในรูปคงดูไม่ออก แต่จริงๆ ใหญ่ประมาณ 7 ซม. เลยนะคะ เนื้อแน่นมากด้วย
Today’s Special จานต่อมาคือ “ปลาฮามาจิสดรมควัน” ดิฉันเพิ่งเคยลองทานเป็นครั้งแรก
เป็นการนำปลาฮามาจิที่ยังเป็นๆ อยู่มารมควัน ตัวเนื้อปลาเลยสดมากๆ
วิธีการปรุงแบบนี้จะทำให้ได้รสอูมามิ
ทานเข้าไปแล้วจะได้กลิ่นหอมของ woodchips ที่ใช้รมควันลอยมาแตะจมูก
พร้อมอบอวลไปด้วยรสความอร่อยของปลา
เมนูต่อไปคือ “หอยแมลงภู่นึ่งไวน์” ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ลูกค้า
จานนี้ให้ฟีลแบบญี่ปุ่น ใช้มิโซะในการปรุงเล็กน้อย เนื้อนุ่มละมุนลิ้น
ตัวหอยแมลงภู่ปรุงด้วยกำลังไฟที่พอดี เนื้อที่ออกมาเลยนุ่มมาก เป็นจานที่สมบูรณ์แบบมาก
อร่อยจนหยุดทานไม่ได้เลยค่ะ!
แม้จะอร่อยทุกเมนูขนาดนี้ แต่ก็ห้ามลืมที่จะสั่งสเต็กเนื้อโกเบไวน์กันนะคะ
ในส่วนของราคา อาจจะแพงหน่อยตาม “ไขมัน” ที่แทรกอยู่ในเนื้อ
ใครที่อยากลิ้มรสความหวานนุ่มของไขมันแทรกในเนื้อ แนะนำให้สั่งเป็น “เนื้อริบอาย” ค่ะ
ถ้ามากันหลายคนก็แนะนำให้สั่งเนื้อมาหลายๆ ส่วนแล้วแบ่งกันทาน
ดิฉันสั่งเป็น “ส่วนสันคอ” กับ “ริบอาย” และทานไปแค่อย่างละครึ่งค่ะ
ถ้าไม่รู้จะสั่งอะไรก็แนะนำเป็น “Chef’s Omakase Course (คอร์สโอมากาเสะตามใจเชฟ)”
แต่สำหรับคอร์สนี้ต้องจองล่วงหน้านะคะ
ทางร้านจะจัดเป็นคอร์สที่ใช้วัตถุดิบชั้นเลิศในแต่ละวันของ “Wagyu Shin” ที่คัดสรรโดยเชฟชินโดมาเพื่อคุณ
เป็นคอร์สที่จะเสิร์ฟอาหารที่หลากหลายมาทีละนิด เหมาะสำหรับคนที่อยากลองทานหลายๆ อย่างค่ะ
ข้อดีและข้อเสียของร้าน Wagyu Shin
ข้อดีของ Wagyu Shin
ข้อเสียของ Wagyu Shin
ราคา
1. Chef’s Omakase Course: เริ่มต้น 3,000 บาท (ต่อคน)
2. ราคาโดยประมาณ (ไม่รวมสเต็ก): 1,500-3,000 บาท (ต่อคน)
3. ราคาโดยประมาณ (รวมเสต็ก): 2,500-4,500 บาท (ต่อคน)
รายละเอียดร้าน Wagyu Shin
ที่ตั้ง: เอกมัยซอย 10 แยก 6
จองโต๊ะ: โทร 02-227-0857
FB:https://www.facebook.com/wagyushinbangkok
เปิดทุกวัน 17:00 – 23:00
กรุณาแสดงความคิดเห็นหากคุณชอบบทความนี้