รีวิว Nikuyama: โอมากาเสะวากิวระดับพรีเมียม @ RAIN HILL, สุขุมวิท 47

วันนี้จะมารีวิวร้าน Nikuyama Bangkok ค่ะ

Nikuyama เป็นร้านโอมากาะเสะเนื้อจากญี่ปุ่น ที่อาจต้องรอเป็นปีในการจองที่นั่ง

แต่สาขาในกรุงเทพฯ สามารถจองที่นั่งเพื่อไปลิ้มรสชาติเนื้อระดับพรีเมียมได้ไม่ยากเลยค่ะ

เป็นร้านที่สายเนื้อวากิวห้ามพลาดเลยนะคะ

ประวัติร้าน Nikuyama ที่ RAIN HILL

Nikuyama Bangkok เป็นร้านอาหารที่เสิร์ฟเนื้อวัวญี่ปุ่นหายากที่มีสาขาหลักอยู่ที่คิจิโจจิ โตเกียว

หลังจากที่สาขาในกรุงเทพฯ ปิดทำการไปชั่วคราว ก็ได้กลับมาเปิดร้านอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2022

ทางร้านก็เปลี่ยนระบบเป็นต้องจองก่อนล่วงหน้าเท่านั้น

พร้อมเสริฟเนื้อพรีเมี่ยมในสไตล์โอมากาเสะ 9 อย่าง

ทางร้านคัดเฉพาะเนื้อวากิวหายากเกรดพรีเมี่ยมมาเสิร์ฟอย่างพิถีพิถัน

ชื่อร้าน “Nikuyama (นิคุยามะ)” มาจากคำว่า “นิคุ คือ เนื้อ” และ “ยามะ คือ ภูเขา”

ซึ่งคนญี่ปุ่นมักจะพูดกันว่า การไปทานอาหารที่นิคุยามะ ก็เหมือนการไปปีนเขานิคุยามะค่ะ

จานแรกเปรียบเสมือน “ชั้นที่ 1” ส่วนจานที่สองก็คือ “ชั้นที่ 2” เหมือนการปีนขึ้นเขาไปทีละชั้น

เมื่อทานครบทุกจานก็เปรียบเสมือนว่า  

ร้านนี้นอกจากจะได้สัมผัสกับรสชาติเนื้อสุดฟินแล้ว ยังได้สนุกไปกับลูกเล่นต่างๆ ของทางร้านอีกด้วย

ไหนๆ ก็มาถึงร้านแล้ว ขอพูดถึงเนื้อวากิวที่ใครๆ ก็ชอบของร้านนี้หน่อยนะคะ

ความเป็นมาและความพิเศษของเนื้อวากิว (Wagyu)

แม้แต่ในไทยก็มักจะเห็นป้ายโฆษณาที่เขียนว่า “เนื้อวากิว” อยู่บ่อยครั้ง

แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว “เนื้อวากิว” แบ่งออกเป็น 4 ชนิดคือ

วัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ (Kuroge washu หรือ Japanese Black)

วัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนน้ำตาล (Akage washu หรือ Japanese Brown)

วัวพันธุ์ญี่ปุ่นเขาสั้น (Nihon tankaku shu หรือ Japanese Shorthorn)

วัวพันธุ์ญี่ปุ่นไม่มีเขา (Mukaku washu หรือ Japanese Polled)

เนื้อวัวที่ได้จากวัว 4 สายพันธุ์นี้จะเรียกว่า “เนื้อวากิว”

จากวัวทั้งหมด 4 สายพันธุ์ “เนื้อวากิวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ” จะได้รับความนิยมสูงสุด

จนครองตลาดเนื้อวัวญี่ปุ่นได้มากถึง 90%

ดิฉันเลยคิดว่า “เนื้อวากิว” ที่หากินได้ในไทยส่วนมากน่าจะเป็นวัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำค่ะ

จริงๆ แล้วเนื้อวากิวพันธุ์ขนดำในโลกค่อนข้างจะมีความพิเศษและหายาก

วัวญี่ปุ่นจะมีการจำแนกตาม “สายพันธุ์” และ “Individual Identification Number” ทั้ง 10 หมายเลข

และยังสามารถติดตามข้อมูลสถานที่เพาะพันธุ์ (สายพันธุ์วัว การเลี้ยงดู มาตรฐานการคัดเลือกพันธุ์วัว) ได้อีกด้วย

ตามร้านอาหารทั่วไปเรามักจะเห็นคำว่า “วากิว (Wagyu)” กันบ่อยครั้ง

แต่บางทีอาจจะเป็นวากิวที่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลียหรือสหรัฐอเมริกาก็ได้

ซึ่งวัวที่เลี้ยงในประเทศออสเตรเลียหรือสหรัฐอเมริกาโดยใช้ชื่อว่า “วัวสายพันธุ์วากิว” นั้น

จะมีความแตกต่างจาก “วากิว” ที่มีการเลี้ยงดูและเพาะพันธุ์ในญี่ปุ่น

รีวิวสั้น ๆ ของ Nikuyama @ RAIN HILL

บรรยากาศที่ Nikuyama: ทริปสู่ประสบการณ์ญี่ปุ่น

มีแค่ที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ รองรับลูกค้าได้เพียง 12 ที่เท่านั้น

เพดานสูง หน้าต่างบานใหญ่ ภายในสว่างและกว้างขวาง

ร้านนี้รองรับลูกค้าเพียงวันละ 4 รอบคือ 17.00 น. 18.00 น. 19.00 น. และ 20.00 น.

เพื่อให้เราได้สัมผัสกับรสชาติเนื้อร้อนๆ ที่ดีที่สุด

เชฟจะให้ทุกคนนั่งล้อมที่เคาน์เตอร์เพื่อชมฝีมือการย่างเนื้ออย่างใกล้ชิด

ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบนั่งตรงเคาน์เตอร์ เพราะชอบดูความพิถีพิถันในการทำอาหารของเชฟ

ซึ่งดิฉันคิดว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของอาหารเช่นกัน

รสชาติเนื้อวากิว: ซิกเนเจอร์ของ Nikuyama

อาหารทั้งหมดมี 9 จาน เสริฟแบบโอมากาเสะ

และเชฟจะปรุงอาหารหน้าเคาน์เตอร์

เมนูมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

เริ่มจากอาหารจานแรกของวันนี้คือ “โอเด้ง – ลิ้นวัววากิว”

โอเด้งเป็นอาหารต้มของญี่ปุ่น มีหัวไชเท้าและลิ้นวัวเคี่ยวจนเปื่อยในน้ำซุป นุ่มลิ้นละลายในปาก

เป็นอาหารปรุงรสอ่อน ทานแล้วสดชื่น เหมาะกับการเริ่มคอร์สอาหาร

ต่อกันที่จานที่สอง “ซาชิมิ – เนื้อวากิวฮอกไกโด (หรือเรียกว่า บารานิคุ)”

จานนี้จะเสิร์ฟเนื้อวัววากิวขนดำจากฮอกไกโด 3 แบบในสไตล์ซาชิมิ

เมื่อคีบเนื้อเข้าปาก ไขมันแทรกในเนื้อจะละลายที่อุณหภูมิในช่องปาก

สัมผัสได้ถึงความนุ่มลิ้น เปื่อยยุ่ยละลายในปาก

ตามด้วยจานที่ 3 “เนื้อสันคอ – อากิตะวากิว เนื้อส่วนสะโพก (หรือที่เรียกว่า คาเมโนโกะ)”

จานนี้จะเสิร์ฟในรูปแบบสเต็ก

หากทานโดยใส่พริกไทยยูซุไปด้วย รสเปรี้ยวจากส้มจะช่วยชูรสของไขมันในเนื้อ

ผสมผสานเข้าอย่างลงตัวจนเกิดเป็นรสอร่อยกลมกล่อม

มาถึงจานที่ 3 แล้ว แม้อาหารแต่ละจานจะมีสเน่ห์และหน้าตาแตกต่างกันออกไป

แต่ความอร่อยนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยค่ะ

จานที่ 4 “ซูชิโรล – อูนิกับวากิวฮอกไกโด”

เชฟจะห่อข้าวปั้นซูชิให้ดูตรงหน้าและเสิร์ฟให้ทานทันที

ข้าวญี่ปุ่นคลุกเคล้าด้วยน้ำส้มสายชูเหมือนซูชิเอโดมาเอะ (สไตล์ซูชิของโตเกียว)

จานที่ 5 “ซุปไข่ – น้ำซุปเนื้อวากิว (ไข่ตุ๋นชาวังมูชิ)”

ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น “ชาวังมูชิ” เป็นอาหารที่ใช้ซุปเนื้อผสมกับไข่และตุ๋นด้วยหม้อนึ่ง

ความแน่นของเนื้อไข่ตุ๋นจะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำซุปและเวลาที่ใช้ในการตุ๋น ให้เนื้อสัมผัสแบบครึ่งๆ ระหว่างซุปกับของนึ่ง

ทานแล้วจะได้กลิ่นของเห็ดทรัฟเฟิลแตะจมูก และสัมผัสได้ถึงซุปเนื้อวากิวกับรสเค็มละมุนไปทั่วปาก

อุณหภูมิที่เหมาะสมจะทำให้ผิวสัมผัสของไข่ตุ๋นเนียนนุ่มสวยงาม

ตกแต่งด้วยแผ่นทองคำเปลวเพิ่มความเจิดจรัสของไข่ตุ๋นได้เป็นอย่างดี

จานที่ 6 “เนื้อสันคอ – เนื้อโคนลิ้นวัววากิว (ลิ้นวัว)”

เป็นจานที่เสริฟมาพร้อมเส้น แต่รสเปรี้ยวของมะนาวจะช่วยให้รสเนื้อโคนลิ้นวัวชัดเจนละมุนลิ้น

มาถึงตอนนี้ท้องก็อิ่มไปแล้วค่ะ…

จานที่ 7 “ของทอด – เนื้อบดชุบเกล็ดขนมปังทอด”

และแล้วก็ถึงคิวของทอด

มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 ซม.

บอกตามตรงว่าตอนแรกก็แอบกังวลว่าจะทานได้มั้ย แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องกังวลเลย

เพราะกลิ่นหอมหลังทอดสดใหม่ชวนให้อยากชิมเลยทีเดียว จานนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมเกลือ

กัดเข้าไปหนึ่งคำ จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมหวานมันของเนื้อวากิวเต็มปาก

ดิฉันเคยกินเนื้อบดชุบเกล็ดขนมปังทอดมาหลายร้านแล้ว แต่ของที่นี่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยค่ะ

“เนื้อรมควัน – เนื้อส่วนสันคอเซนได (หรือเรียกว่า โทการาชิ)”

จานนี้จะเสิร์ฟเป็นเนื้อรมควัน

กลิ่นของเศษไม้รมควันหอมละมุนชวนให้อยากทานขึ้นมาอีกทั้งๆ ที่อิ่มแล้ว

จานที่ 9 “เนื้อสันคอ – เนื้อกระบังลมหรือท้องล่างของวัว (หรือเรียกว่า ซางาริ)”

เนื้อปรุงสุกปานกลางราดด้วยซีอิ๊วหวานและซอสไข่

สามารถเติมวาซาบิเพื่อเปลี่ยนรสชาติและทำให้อร่อยยิ่งขึ้นได้เท่าที่ต้องการ

ทางร้านใช้วาซาบิสด มีกลิ่นหอมสดชื่น

และในที่สุด เราก็มาถึงจานสุดท้ายเหมือนใกล้จะถึงยอดเขาแล้ว

เราจะปิดท้ายกันด้วยอาหารประเภทข้าว

ซึ่งคุณจะสามารถเลือกทานข้าวแกงกระหรี่ หรือข้าวต้มสไตล์ญี่ปุ่น หรือจะรับทั้งสองอย่างก็ได้

แต่สำหรับดิฉันแล้วคงจะทานทั้งสองอย่างไม่ไหว เลยเลือกแค่ข้าวแกงกระหรี่ค่ะ

รสชาติเผ็ดร้อน ตาสว่างกันเลยทีเดียว

ในความเผ็ดร้อน ก็ยังมีความหวานอยู่

หลังจากจบจานสุดท้ายที่เหมือนพิชิตยอดเขาได้แล้ว ก็ถึงเวลาชิลๆ กับไอศกรีมเย็นๆ

ร้าน Nikuyama Bangkok มีแค่คอร์สโอมากาเสะเนื้อวากิวเท่านั้น ตอนแรกดิฉันก็กังวลว่าจะกินไม่หมด

แต่อาหารทุกจานถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับคำพูดที่ว่า

“เพลิดเพลินกับเนื้อวากิวด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า”  

เราจึงสามารถเพลิดเพลินกับอาหารแต่ละจานเหมือนกับ “การปีนเขา” ทีละชั้นได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ

ใครอยากลองดื่มด่ำกับรสชาติของเนื้อวากิวเกรดพรีเมียมแบบนี้ อย่าลืมแวะมาลองกันได้นะคะ

เคล็ดลับการแต่งกายเมื่อไป Nikuyama

ไม่กำหนด แต่งตัวตามสบาย

การตั้งงบประมาณ: ราคาที่ Nikuyama

เสริฟเป็นคอร์ส คอร์สละ 9 จานในราคา 2,400 บาท

ราคาข้างต้นยังไม่รวม VAT 7% และ Service Charge 10%

เมนูเครื่องดื่มครบครัน

มีทุกอย่างทั้งแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และน้ำผลไม้

ส่วนใครที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ ทางร้านก็จัดให้แบบดื่มไม่อั้นในราคา 600 บาท

ครั้งนี้เรามากันสองคนสามีภรรยา อาหารสองคอร์สพร้อมเครื่องดื่ม รวมเป็นเงิน 7,062 บาท

จุดเด่นและจุดด้อยของร้าน Nikuyama Bangkok

จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดของ Nikuyama

เป็นคอร์สโอมากาเสะ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นว่าจะมีเมนูเด็ดแบบไหนมาให้ทาน

สามารถดื่มด่ำกับรสชาติของเนื้อวากิวพรีเมียมได้แบบเน้นๆ

สามารถดื่มด่ำกับเนื้อวากิวหายากแต่ละส่วนได้ด้วยรูปแบบการปรุงอาหารที่หลากหลาย

ได้ใช้ทุกประสาทสัมผัส เพลิดเพลินและเต็มไปด้วยความบันเทิง

จุดที่ควรปรับปรุงของ Nikuyama

อาจรู้สึกกังวลว่าทานอาหาร 9 จาน ข้าว และของหวานได้หมดหรือไม่

ทางร้านกำหนดเวลาเริ่มต้นทานอาหารไว้เลยอาจรู้สึกไม่เป็นอิสระในเรื่องของเวลา

ทางร้านเสิร์ฟเฉพาะเนื้อเท่านั้น อาจมีบางคนรู้สึกเบื่อได้

ข้อมูลทั่วไป: Nikuyama @ RAIN HILL

ที่อยู่；ชั้นที่ 1 เรนฮิลล์, ซอย 47, ถนนสุขุมวิท