สวัสดีค่ะทุกคน
ชิฟูมิ มายด้า ผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมบล็อก
“รีวิวจริงจากผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” นะคะ
ล่าสุดดิฉันได้ไปพักที่ Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort อำเภอเชียงแสนมาค่ะ
รีสอร์ทสุดหรูในจังหวัดเชียงราย อยู่เหนือสุดของประเทศไทย
ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางเหนือประมาณ 900 กิโลเมตร
หากพูดถึงอำเภอเชียงแสนก็จะนึกถึงสามเหลี่ยมทองคำซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างระหว่างประเทศไทย พม่า และลาว
เป็นบริเวณสามเหลี่ยมที่มาบรรจบกันโดยมีแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกตัดผ่าน
ความเป็นมาของจังหวัดเชียงราย
เชียงรายเป็นที่ตั้งของนครหลวงก่อนกำเนิดอาณาจักรล้านนา (ศตวรรษที่ 13-18)
ที่ปกครองพื้นที่ทางเหนือของประเทศไทยในสมัยก่อน
ปัจจุบันยังคงหลงเหลือประเพณีและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือของไทยซึ่งเรียกกันว่า “วัฒนธรรมล้านนา”
อำเภอเชียงแสนที่ดิฉันมาพักครั้งนี้มีซากปรักหักพังโบราณในสมัยอาณาจักรล้านนาหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
แถมยังมีชนเผ่าชาวเขาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแถมยังสร้างวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองขึ้นมาอีกด้วย
เป็นเมืองที่การค้าขายผ่านลำน้ำโขงมีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยโบราณ
แถมยังเป็นเมืองนานาชาติที่ผสมผสานวัฒนธรรมของจีน พม่า ลาว และชนเผ่าชาวเขาเข้าด้วยกันอย่างลงตัวอีกด้วย
มาที่นี่แล้วจะได้เห็นทั้งประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ไปอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ
ประวัติของ Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort
รอบนี้ดิฉันไปพักที่ Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort ในอำเภอเชียงแสนมาค่ะ
Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort จะตั้งอยู่ห่างจากสนามบินเชียงรายไปทางเหนือประมาณ 60 กิโล
นั่งรถไปใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
ตามที่เกริ่นไว้ข้างต้น ตัวรีสอร์ทจะตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน
ซึ่งเป็นอำเภอที่เป็นจุดทับซ้อนของพรมแดนระหว่างประเทศ
Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort จะตั้งอยู่ริมแม่น้ำรวก
ซึ่งสามารถมองเห็นประเทศพม่าได้จากฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ
แถมยังมองเห็นประเทศลาวที่อยู่ไกลออกไปได้อีกด้วยค่ะ
ตัวรีสอร์ทมีพื้นที่กว้างมากถึง 165 เอเคอร์ มีห้องพักทั้งหมด 40 ห้อง
Suite Room 15 ห้อง และ Family Suites อีก 6 ห้อง
จำนวนแขกที่มาเข้าพักจะน้อยสวนทางกับความกว้างของตัวรีสอร์ท
เลยสามารถพักผ่อนหย่อนใจได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ
รอบนี้ดิฉันเข้าพักโดยซื้อเป็นแพ็คเกจ
“GOLDEN TRIANGLE LUXURY EXPLORER ADVANCE PURCHASE PACKAGE”
ที่รวมอาหาร 3 มื้อ และกิจกรรมในรีสอร์ท 1 อย่างต่อ 1 คืน (สปา แคมป์ช้าง ชั้นเรียนทำอาหาร ฯลฯ) ‘
พร้อมรถรับ-ส่งจากสนามบินค่ะ
โซนล็อบบี้กับโซนส่วนกลางต่างๆ ก็กว้างมาก เพดานสูง ลมพัดผ่านได้เป็นอย่างดี
สามารถชมภาพจิตกรรมฝาหนังศิลปะล้านนาที่สวยงามแบบนี้ได้ทั่วรีสอร์ท
เดินเล่นไปชมภาพที่มีเอกลักษณ์แบบนี้ไปด้วยสนุกมากๆ เลยค่ะ
ตามชื่อรีสอร์ท Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort
ภายในบริเวณรีสอร์ทจะมีแคมป์ช้างอยู่ด้วย ซึ่งปัจจุบันที่ดิฉันไปจะมีช้างที่เลี้ยงไว้ที่นี่ถึง 20 เชือก
Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort เป็นรีสอร์ทที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างทั่วถึง
มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกิจกรรมอนุรักษณ์ธรรมชาติผ่านกิจกรรมอนุรักษ์ช้าง
หากมาพักที่ Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort จะมีแพ็คเกจสำหรับเข้าพักให้เลือกหลากหลาย
โดยจะรวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของรีสอร์ทด้วยค่ะ
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกิจกรรมแคมป์ช้างนี่ล่ะค่ะ
ดิฉันอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1998 เลยมีโอกาสได้สัมผัสช้างตัวเป็นๆ อยู่หลายครั้ง
แต่ที่ Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort มีการอนุรักษ์ช้างไว้เป็นอย่างดี
เพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติมากที่สุด
เลยสามารถเห็นช้างได้แบบกลมกลืนไปกับธรรมชาติ
เป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยค่ะ
รีวิวเข้าพักที่ Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort
รีวิวประเภทห้องต่างๆ
Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort จะแบ่งห้องพักออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆ
โดยแต่ละห้องจะมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้
พื้นที่กว้าง 32 ตารางเมตร
มีระเบียงส่วนตัว
พื้นที่กว้าง 64 ตารางเมตร
มีระเบียงส่วนตัวและห้องนั่งเล่น
พื้นที่กว้าง 96 ตารางเมตร
ห้องสวีทขนาดใหญ่เหมาะสำหรับมาพักเป็นกลุ่ม เช่น ครอบครัว
มีระเบียงส่วนตัวและห้องนั่งเล่น
ดิฉันแนะนำให้เลือกห้องจากจำนวนคนที่จะเข้าพักและงบที่มี
เพราะไม่ว่าจะเป็นห้องไหนก็สามารถมองเห็นประเทศพม่ากับลาวได้ค่ะ
รอบนี้ดิฉันพักเป็นห้อง Three Country View Suite ค่ะ
ดิฉันมาพักกับสามีสองคน เลยอยากให้มีห้องนั่งเล่นไว้ผ่อนคลายด้วย
เลยเลือกเป็นห้องนี้มาค่ะ
ห้อง Three Country View Suite จะมีระเบียงส่วนตัวที่กว้างมากอยู่ในห้อง
สามารถมองเห็นวิวภูเขาของพม่าได้ด้วยค่ะ
แต่วันที่ดิฉันไปพักมีการเผาป่าเกิดขึ้นฟ้าเลยจะครึ้มๆ
เลยเห็นประเทศลาวจากอีกฟากของภูเขาได้ไม่ค่อยชัดเท่าไรค่ะ
หากเทียบกับกรุงเทพฯ แล้วความชื้นค่อนข้างต่ำ อากาศแห้ง
แถมอุณหภูมิยังต่ำกว่ากรุงเทพฯ ประมาณ 4 องศาเลยรู้สึกว่าอากาศเย็นสบายมากค่ะ
ช่วงที่เข้าพักดิฉันไม่ต้องเปิดแอร์เลย แค่เปิดหน้าต่างให้ลมเย็นๆ พัดเข้ามาก็เย็นสบายพอแล้ว
แถมหน้าต่างก็มีมุ้งลวดด้วย เลยไม่ต้องกังวลว่าจะมีแมลงเข้ามาในห้องเลยค่ะ
เป็นสถานที่ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม มองเห็นป่าไกลสุดลูกหูลูกตา
แถมยังได้ยินเสียงนกชนิดต่างๆ ที่หาฟังในกรุงเทพฯ ไม่ได้ กับผีเสื้อสวยๆ อีกเยอะเลยค่ะ ดีต่อใจสุดๆ
บางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องของช้างด้วยนะคะ
ในห้องจะมีกล้องส่องทางไกลเตรียมไว้ให้ด้วย ดิฉันเลยชอบออกมาที่ระเบียงเพื่อส่องดูช้างค่ะ
ในห้องจะมีตู้เสื้อผ้าเตรียมไว้ให้พร้อม ใส่กระเป๋าเดินทางสองใบได้สบายๆ
ทำให้ใช้พื้นที่ในห้องนั่งเล่นได้เต็มที่
ห้องน้ำก็กว้างมาก น้ำร้อนไหลปกติ น้ำไหลแรงจนแม้แต่อ่างน้ำขนาดใหญ่รอไม่นานน้ำก็เต็มอ่างแล้ว
แน่นอนว่าดิฉันก็ได้ดื่มด่ำกับการแช่น้ำในอ่างน้ำกว้างๆ แบบนี้ด้วยค่ะ
เตียงกว้างนุ่มสบายกำลังดี มีเมนูหมอนให้เลือก
สามารถเลือกหมอนที่ชอบได้ด้วย
ดิฉันไม่ชอบนอนหมอนนุ่มๆ เลยเลือกเป็น “Buckwheat husk pillow” มาค่ะ
พนักงานของโรงแรมจะมาจัดเตียงและทำความสะอาดให้อย่างดีทุกวัน
แถมยังมี Turndown Service ช่วงมื้อค่ำด้วย
ทำให้รู้สึกสบายใจมากตลอดเวลาที่พักอยู่ในห้อง
อีกทั้งยังใช้บริการซักรีดได้ด้วยกับเสื้อผ้า 15 ตัวในราคา 1,000 บาท
หากมาพักระยะยาวก็สามารถใช้บริการซักรีดได้ด้วยค่ะ
รีวิวร้านอาหาร
ในตัวรีสอร์ทจะมีร้านอาหารอยู่ 3 จุด
ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันออกไปตามนี้ค่ะ
เสิร์ฟเป็นบุฟเฟ่ต์แบบ All Day Dining ตั้งแต่เช้า กลางวัน จนถึงมื้อค่ำ
ในแพ็คเกจที่เข้าพักจะสามารถสั่งเมนูจาก SALA MAE NAM
และ ELEPHANT BAR AND OPIUM TERRACE ได้ด้วยค่ะ
ช่วงเช้าจะเป็นบุฟเฟ่ต์นานาชาติ หากสั่งอาหารอุ่นๆ ไปเชฟก็จะทำมาเสิร์ฟให้ค่ะ
SALA MAE NAM มีลมพัดผ่านตลอด เป็นมื้ออาหารที่ทานได้อย่างสบายใจท่ามกลางอากาศเย็นสบาย
ส่วนมื้อกลางวันกับมื้อเย็นจะเสิร์ฟอาหารไทยเป็นหลัก
นอกจากอาหารเหนือของไทยแล้วก็จะมีอาหารพื้นเมืองต่างๆ ของลาวและพม่าด้วย
อาหารขึ้นชื่อของภาคเหนืออย่าง “ข้าวซอย” ก็มีนะคะ (รูปด้านบน)
ข้าวซอยจะประกอบไปด้วยน้ำซุปเครื่องแกงกับน้ำกะทิ ข้างใต้จะมีเส้นใส่ไว้
ส่วนด้านบนจะออนท็อปด้วยเส้นกรอบๆ ที่ทอดมาอย่างดี ปกติจะบีบมะนาวลงไปแล้วค่อยทานค่ะ
ตอนดิฉันมาเที่ยวภาคเหนือของไทยอย่างเชียงใหม่หรือเชียงรายก็จะต้องทานข้าวซอยทุกครั้งเลยค่ะ
ร้านอาหารอิตาเลียนที่ต้องจองล่วงหน้า
ซึ่งส่วนใหญ่จะเสิร์ฟเป็นอาหารจากแคว้นตอสคานา ประเทศอิตาลีค่ะ
ครั้งนี้ดิฉันไม่มีโอกาสได้มาลองทานที่ร้าน
แต่พิซซ่าที่สั่งมาแบบ Room service อร่อยมากเลยค่ะ
เลยมั่นใจเลยว่าร้านนี้ก็ต้องเสิร์ฟอาหารอร่อยๆ ให้เราได้ทานกันแน่ๆ
เป็นร้านสไตล์ Bar ที่จะเสิร์ฟอาหารเบาๆ กับเครื่องดื่มเป็นหลักค่ะ
เมนูส่วนมากจะเป็นอาหารตะวันตก
เมนูแต่ละอย่างมีปริมาณเยอะมากจนเหมือนไม่ใช่อาหารทานเล่นเลยค่ะ
รสชาติอาหารของทางร้านจะเป็นรสเบาๆ
ที่ทานได้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
โดยเฉพาะอาหารไทยภาคเหนือที่มักจะมีรสจัด
หากแจ้งพนักงานก็จะปรับระดับความเผ็ดให้
กินได้อย่างเอร็ดอร่อยและสบายใจมากๆ ค่ะ
แต่ปริมาณอาหารแต่ละจานเยอะมาก
ดิฉันกับสามีทานในปริมาณขนาดนั้นไม่ไหว
เลยสั่งมาจานเดียวแล้วแบ่งกันทานค่ะ
ส่วนตัวดิฉันเองชอบทานหลายๆ
เมนูในปริมาณน้อยๆ หากปรับตรงนี้ได้น่าจะถูกใจขึ้นไปอีกค่ะ
รีวิวสปา
ตอนเข้าพักดิฉันไปนวดอโรม่ามา 2 รอบ
ห้องนวดส่วนใหญ่จะเป็นแบบคู่ แต่ก็สามารถเข้าใช้คนเดียวได้เช่นกัน
ในห้องนวดมีตู้เสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำครบครัน
สามารถนวดจนจบได้โดยไม่ต้องออกจากห้องเลย
บริเวณระเบียงจะมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย
หากเลือกเป็นคอร์สแบบ 2 ชั่วโมง จะมีคอร์สที่รวมเวลาแช่น้ำอยู่ด้วย
รอบหน้าดิฉันว่าจะลองเป็นคอร์สแบบ 3 ชั่วโมงดูค่ะ
สามารถมองเห็นวิวป่าได้จากในห้องนวด นอนลงบนเตียงนวดนุ่มๆ
และดำดิ่งสู่การผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ
ตอนสามีดิฉันฟุบตัวลงบนเตียง เหมือนสติจะเลือนไปในทันทีเลย
ดีถึงขนาดที่ชวนให้สติหลุดลอยไปทันทีที่ฟุบตัวลงนอนเลยค่ะ
กิจกรรมฟรีของโรงแรม
ครั้งนี้ดิฉันเข้าพักด้วยแพ็คเกจ
“GOLDEN TRIANGLE LUXURY EXPLORER ADVANCE PURCHASE PACKAGE”
ที่สามารถเลือกกิจกรรมฟรีได้ 1 กิจกรรมต่อ 1 วันที่เข้าพัก
โดยสามารถเลือกกิจกรรมได้ตามนี้ค่ะ
จากกิจกรรมทั้งหมดนี้พวกเราเลือกเป็นนวดที่สปา 1 ชั่วโมงกับแคมป์ช้างค่ะ
ในส่วนของสปาก็ตามที่รีวิวไว้ก่อนหน้านี้
ดังนั้นจากนี้จะรีวิวเกี่ยวกับกิจกรรมแคมป์ช้างนะคะ
รีวิวกิจกรรมแคมป์ช้าง – Walking with Giants
ที่ Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort มีการอนุรักษ์ช้างไว้ 20 เชือกในปัจจุบัน
โดยช้างจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 ปี
ช้างตัวเมียเหมาะจะให้กำเนิดลูกช้างตั้งแต่ช่วงอายุ 14-15 ปี โดยจะใช้เวลาตั้งท้องนานถึง 2 ปี
ว่ากันว่าช้างตัวเมีย 1 ตัวจะสามารถให้กำเนิดลูกช้างได้สูงสุดเพียง 3 ตัวตลอดชั่วชีวิตของมัน
โดยในหนึ่งวันช้างจะนอนหลับประมาณ 6-7 ชั่วโมง
นอกจากนั้นจะใช้เวลาไปกับการกินเพื่อบำรุงร่างกายที่ใหญ่โตของมัน
โดยวันนึงจะกินประมาณ 200 กิโลเลยทีเดียว
หากเลือกพักแบบแพ็คเกจ กิจกรรมแคมป์ช้างจะมีให้เลือก 3 รายการดังนี้
เรียนรู้ตั้งแต่วิธีใช้งานช้างและประวัติศาสตร์ของช้าง
รวมถึงวิธีทำยาสมุนไพรสำหรับช้าง
สังเกตและศึกษาเกี่ยวกับชีววิทยาของช้าง
รวมถึงเรียนรู้ชีววิทยาและพฤติกรรมของช้างจากผู้เชี่ยวชาญประจำท้องถิ่น
เดินทางเข้าไปในป่าร่วมกับช้าง
สังเกตการกินอาหาร การเล่นในโคลน และการเล่นน้ำของช้าง
จากกิจกรรมสามอย่างข้างต้นพวกเราเลือกเป็น Walking with Giants ค่ะ
ดิฉันอยู่ประเทศไทยมานานมากแล้วเลยมีประสบการณ์ได้สัมผัสช้างจริงๆ อยู่หลายครั้ง
แต่เคยสัมผัสแค่ช้างที่ทำการแสดงตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ เท่านั้นค่ะ
ครั้งนี้ได้มาเห็นวิถีชีวิตตามธรรมชาติของช้างกับตาตัวเองจริงๆ
รู้สึกตกหลุมรักเจ้าเพื่อนร่างยักษ์ตัวนี้เข้าอย่างจังเลยค่ะ
เราใช้เวลาเดินเล่นกับช้างประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ดิฉันรู้สึกว่าพฤติกรรมของมันก็คล้ายคนอยู่นะคะ มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก
ช้างชอบเล่นน้ำมากๆ แต่ช้างที่มีอายุมากมักจะคอยเฝ้าดูลูกช้างเล่นน้ำ
ช้างเหล่านี้เล่นน้ำในแม่น้ำรวก ซึ่งแม่น้ำนี้จะมีเรือตกปลาขับผ่านด้วย
เมื่อมีเรือแล่นผ่านช้างจะส่งเสียงร้องดังมาก เหมือนเป็นเสียงเฝ้าระวังภัยอันตรายต่างๆ ค่ะ
แถมตอนเดินเล่นยังมีการขูดเปลือกไม้จากต้นแล้วเอาตัวถูอีกต่างหาก
เหมือนช้างแต่ละตัวจะมีต้นไม้ต้นโปรดเป็นของตัวเอง
ต้นไม้ที่โดนถูบ่อยจะมีลำต้นที่เรียบเนียนกว่าต้นอื่น แล้วสีของต้นไม้ก็จะเปลี่ยนด้วยค่ะ
เราสามารถมองเห็นช้างที่กำลังเดินเล่นอยู่ได้จากในห้องด้วย
ดิฉันส่องดูช้างทุกวันด้วยกล้องส่องทางไกลจากในห้อง
กิจกรรมนี้เด็กเล็กๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน
ดิฉันเชื่อว่าจะเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ลืมไม่ลงเลย
อยากให้ทุกคนได้มาลองกันดูนะคะ
สำหรับกิจกรรมที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ที่ Anantara Golden Triangle จะมีกิจกรรมอื่นๆ
ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเมื่อเข้าร่วมด้วยค่ะ (ไม่รวมอยู่ในแพ็คเกจ)
ดิฉันจะเลือกมาแนะนำเป็นบางส่วนนะคะ
Jungle Bubble (เริ่มต้นที่ 23,000 บาท/คู่)
เป็นห้องที่ตั้งอยู่ในแคมป์ช้าง
สามารถมาพักได้ตั้งแต่ 16:00 ถึงช่วงเช้าของวันถัดไป
ภายในห้องจะมีห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ ห้องนอน
และห้องทานอาหารด้านนอกเตรียมไว้ให้อย่างครบครัน
และสามารถดูน้องช้างไปด้วยได้แบบใกล้ชิดเลยค่ะ
Dining By Design (เริ่มต้นที่ 17,500 บาท/คู่)
โซนทานอาหารแบบส่วนตัวริมแม่น้ำ
สามารถเลือกได้ว่าจะทานที่ทุ่งนาหรือแคมป์ช้าง
Royal Enfield Sidecar (3,500 บาท/คน)
ครั้งนี้ดิฉันกับสามีได้ลองกิจกรรม Royal Enfield Sidecar กันด้วยค่ะ
โดยกิจกรรมนี้เราจะได้ขี่ Royal Enfield Classic 500
จากบริษัท Royal Enfield ผู้ผลิตมอเตอร์ไซต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกไปรอบๆ เชียงแสนเลยค่ะ
ตัวมอเตอร์ไซต์จะมีรถพ่วงอยู่ด้วย พนักงานของโรงแรมจะเป็นคนขับให้เราค่ะ
เราจะได้นั่งตรงรถพ่วง ชมวิวรอบวัดและสามเหลี่ยมทองคำ
ไปเยี่ยมชมสวนเกษตร เป็นประสบการณ์ที่สนุกกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ
จังหวัดเชียงรายขึ้นชื่อเรื่องการเกษตรจากภูมิอากาศที่เย็นสบายของภาคเหนือ
Min Farm ที่เราได้มาเข้าชมก็ปลูกทั้งข้าวเหนียว สัปปะรด ข้าวโพดและอื่นๆ อีกเยอะเลยค่ะ
แถมช่วงนี้ยังมีปลูกกัญชาที่เป็นประเด็นอยู่ในช่วงนี้ด้วยนะคะ
เป็นการเที่ยวรอบเมืองที่ให้ร่างกายได้สัมผัสลมและอากาศ
ถือเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ เลยค่ะ
ถึงอาจจะต้องเสียเงินเพิ่ม แต่ก็รู้สึกคุ้มที่ได้ลองทำกิจกรรมนี้ค่ะ
ข้อดีและข้อด้อยของ ANANTARA GOLDEN TRIANGLE ELEPHANT CAMP & RESORT
ข้อดีของ ANANTARA GOLDEN TRIANGLE ELEPHANT CAMP & RESORT
ข้อด้อยของ ANANTARA GOLDEN TRIANGLE ELEPHANT CAMP & RESORT
ฤดูกาลของจังหวัดเชียงราย
ฤดูกาลของจังหวัดเชียงรายมีดังนี้
เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม : หน้าแล้ง
ฝนไม่ตก ความชื้นต่ำ เป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว
ส่วนที่อยู่ใกล้กับหุบเขา อุณหภูมิอาจลดต่ำลงถึง 10 องศาเลยทีเดียว
จากค่าเฉลี่ยแล้วช่วงเช้าจะอยู่ที่ 17 องศาบวกลบ ส่วนช่วงกลางวันจะประมาณ 24 องศา
แต่ช่วงต้นเดือนธันวาคมถึงสิ้นเดือนมีนาคมจะมีการเผาป่า อากาศเลยมีสิ่งปนเปื้อนเยอะค่ะ
เดือนเมษายน-ปลายเดือนพฤษภาคม : ฤดูร้อน
เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดใน 1 ปี
อุณหภูมิจะเพิ่มสูงถึงเกือบ 40 องศาเลยทีเดียว
ปลายเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนตุลาคม : หน้าฝน
ฤดูที่มีฝนไล่ช้างที่อยู่คู่กับประเทศทางใต้อย่างประเทศไทย
แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยตกทั้งวัน แต่จะตกหนักเฉพาะบางพื้นที่
ว่ากันว่าฝนในช่วงนี้เป็นพรที่มอบให้แก่ต้นไม้ จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า Green Season
รายละเอียดเกี่ยวกับ ANANTARA GOLDEN TRIANGLE ELEPHANT CAMP & RESORT
ที่ตั้ง: 229 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 57150
กรุณาแสดงความคิดเห็นหากคุณชอบบทความนี้