สวัสดีค่ะทุกคน
ชิฟูมิ มายด้า ผู้บริหารสาวชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมบล็อก
“รีวิวจริงจากผู้บริหารสาวชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” นะคะ
Amazake (อามาซาเกะ) คืออะไร
วันนี้ดิฉันจึงมาแนะนำร้าน “Thai Amazake” ให้แก่ทุกคน
เป็นร้านที่ผลิตและขายอามาซาเกะที่หมักจากข้าวโคจิ (เชื้อราชนิดหนึ่งใช้สำหรับผลิตอาหารหมัก เช่น สาเก)

ถึงจะบอกว่าเป็นร้าน แต่จริงๆ แล้วไม่มีหน้าร้านและจำหน่ายสินค้าเฉพาะทางเดลิเวอรี่เท่านั้นค่ะ
อามาซาเกะเป็นอาหารหมักของญี่ปุ่นที่เชื่อกันว่ามีประสิทธิภาพทางด้านสุขภาพและความงามสูงมาก
จนถึงขนาดเรียกกันว่าเป็น “การดื่มเพื่อรับสารอาหารเข้าสู่ร่างกายทางหลอดเลือดดำ” เลยล่ะค่ะ
อามาซาเกะอุดมไปด้วยวิตามิน B และกรดอะมิโน
ในส่วนของรสชาติจะมีความหวานตามชื่ออามาซาเกะ (เหล้าหวาน)
แต่จะไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลเลยแม้แต่นิดเดียว
เป็นความหวานจากธรรมชาติที่ได้มาจากกระบวนการหมักล้วนๆ
“อามาซาเกะ” ถ้าอ่านตามตัวคันจิในภาษาญี่ปุ่นจะมีความหมายว่า “เหล้าหวาน”
แต่จริงๆ แล้วไม่ได้มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่เลย
แม้แต่คนที่ไม่ดื่มเหล้าหรือเด็กๆ เองก็สามารถดื่มได้เช่นกันค่ะ
แต่กระบวนการหมักแบบธรรมชาติจะก่อให้เกิดส่วนผสมของแอลกอฮอล์ขึ้นมาเล็กน้อย
และหากหมักต่อไปก็จะกลายเป็นน้ำส้มสายชู
ร้าน Thai Amazake มีเจ้าของร้านเป็นคนไทยที่หลงไหลในความอร่อยของอามาซาเกะ
ถึงขนาดทำส่วนผสมด้วยตัวเองตั้งแต่ขั้นตอนการหมักโคจิเลยค่ะ
“ข้าวหมาก” เป็นอาหารไทยที่หมักจากข้าวเหนียวและคล้ายกับอามาซาเกะของญี่ปุ่นอยู่มาก
ข้าวหมากสามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
แต่กระบวนการหมักข้าวหมากจะใช้เวลาค่อนข้างนาน
เลยทำให้มีรสเปรี้ยวหรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ดิฉันคิดว่านี่คือข้อแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างข้าวหมากกับอามาซาเกะของญี่ปุ่น
ดิฉันเคยใช้ข้าวหมากในการทำอาหารอยู่หลายครั้ง
เช่น นำเนื้อหมูและเนื้อไก่ไปหมักเตรียมไว้ในข้าวหมาก เป็นต้นค่ะ
กลับมาเข้าเรื่องอามาซาเกะกันก่อนนะคะ
เหตุผลที่ทำให้ดิฉันได้รู้จักร้าน Thai Amazake
เป็นเพราะดิฉันกำลังหาร้านขายข้าวโคจิในประเทศไทยอยู่ค่ะ
ดิฉันลองหามาหลายที่ในกรุงเทพฯ ทั้งในซุปเปอร์ญี่ปุ่นและร้านจำหน่ายวัตถุดิบญี่ปุ่นแต่ก็ยังหาไม่เจอ
เลยลองค้นหาใน Facebook ดูจนมาเจอร้าน “Thai Amazake” นี่ล่ะค่ะ
ดิฉันเลยลองใช้ Facebook ติดต่อกับทางร้านโดยตรงเพื่อขอซื้อข้าวโคจิโดยเฉพาะ
วิธีทำอามาซาเกะด้วยตัวเอง
เราสามารถทำอามาซาเกะด้วยตัวเองได้ที่บ้านเช่นกัน
แต่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขั้นตอนที่ยากที่สุดคือการควบคุมอุณหภูมิระหว่างหมัก
ดิฉันใช้หม้อปรุงอาหารอัตโนมัติที่เรียกว่า Sharp HOTCOOK ในการหมักอามาซาเกะค่ะ


ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 60 องศาและหมักทิ้งไว้ 6 ชั่วโมง
คำว่า HOTCOOK มาจากการประสมคำระหว่าง “Hottoku (ปล่อยทิ้งไว้) + Cooking (ทำอาหาร)”

ส่วนผสมในการทำ: น้ำ 150cc, ข้าวโคจิแบบแห้งที่ซื้อจากร้าน Thai Amazake 100g (ซ้าย), ข้าว 150g (ขวา)
ดิฉันลองใช้ HOTCOOK และข้าวโคจิจากร้าน Thai Amazake ในการทำอามาซาเกะด้วยตัวเองค่ะ

และนี่ก็คืออามาซาเกะที่ดิฉันทำขึ้นมาเอง มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มลิ้นและกลมกล่อม
จริงๆ ก็คิดไว้แล้วว่าถ้าทำกินเองก็จะต้องเสียทั้งเวลา ทั้งแรง
ซื้ออามาซาเกะได้ง่ายๆ ที่ร้าน Thai Amazake
แน่นอนว่าเมื่อทำกินเองจะต้องเสียทั้งเวลา ทั้งแรง แถมยังมีอุปสรรคอีกหลายอย่าง
เลยอยากให้ทุกคนลองมาซื้ออามาซาเกะจากร้าน Thai Amazake ดูค่ะ
ร้าน Thai Amazake มีการจำหน่ายอามาซาเกะรสชาติต่างๆ มากมาย เช่น มัทฉะ สตรอว์เบอร์รี มะม่วง
รสมะม่วงจะให้รสชาติแบบไทยๆ อร่อยมากเลยค่ะ
ตัวอามาซาเกะเองปกติก็มีรสหวานอยู่แล้ว (ไม่ใส่น้ำตาล)
พอลองดื่มรสมัทฉะแล้วรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษเลยชอบเป็นการส่วนตัว
ทุกคนเองก็ลองเพิ่มอามาซาเกะที่เป็นเหมือน “การดื่มเพื่อรับสารอาหารเข้าสู่ร่างกายทางหลอดเลือดดำ”
เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันดูไหมคะ
กรุณาแสดงความคิดเห็นหากคุณชอบบทความนี้