Cagette Canteen & Deli – รีวิวร้านอาหารฝรั่งเศสที่อร่อยย่านสาทร!

อาหารฝรั่งเศสสุดประทับใจที่ Maison Dunand กรุงเทพฯ: ความซับซ้อนของดาวมิชลินกับเชฟ Arnaud Dunand

Maison Dunand

สวัสดีค่ะทุกคน

ชิฟูมิ มายด้า ผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมบล็อก

“รีวิวจริงจากผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” นะคะ

วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำร้าน Maison Dunand ที่ได้รับมิชลินสตาร์

ซึ่งอยู่ที่สาทรซอย 10 (หรือซอยศึกษาวิทยา) ค่ะ

ปัจจุบันสาทรซอย 10 เริ่มกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมที่มีร้านอาหารเปิดใหม่มากมาย

เพราะอยู่ใกล้กับย่านธุรกิจจึงมีผู้คนพลุกพล่านทุกวัน

Maison Dunand เปิดให้บริการโดยเชฟ Arnaud Dunand

อดีตเชฟประจำห้องอาหารฝรั่งเศส Le Normandie ของโรงแรม Mandarin Oriental

Maison Dunand
เมนูนี้แสดงถึงบ้านเกิดของเชฟ Arnaud Dunand

ต่อไปดิฉันจะมาแนะนำร้านนี้ให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ

Contents

สำรวจเสน่ห์และความล้ำค่าของ Maison Dunand ร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินในกรุงเทพฯ

เชฟ Arnaud Dunand เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฝรั่งเศสจากแคว้นซาวัว (Savoie) ประเทศฝรั่งเศส

และเป็นบุคคลสำคัญในวงการร้านอาหารของกรุงเทพฯ

ความหลงใหลในการทำอาหารของเชฟ Arnaud เริ่มมาตั้งแต่อายุยังน้อย

และเส้นทางการทำอาหารของเชฟเริ่มต้นขึ้นเมื่อได้รับโอกาสให้ทำงานในห้องครัวที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง

Maison Dunand
Owner Chef: Mr. Arnaud Dunand

ในปี 2012 เชฟได้เป็นหัวหน้าแผนกครัวที่ Le Normandie ในกรุงเทพฯ

ซึ่งเชฟได้ผสมผสานเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศส

แบบดั้งเดิมเข้ากับวัตถุดิบชั้นเลิศจนทำให้ร้านได้รับมิชลินสตาร์สองดาว

สัมผัสความหรูหราที่ Maison Dunand: การตกแต่งภายในและบรรยากาศร้านอาหารฝรั่งเศสชั้นนำของกรุงเทพฯ

Maison Dunand เป็นร้านอาหารที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน

มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ และมองเห็นถนนสาทรซอย 10 อันคึกคักได้

Maison Dunand

นี่คือ Maison Dunand ร้านอาหารมิชลินสตาร์หนึ่งดาวที่ดิฉันจะมาแนะนำในวันนี้

และห้องอาหาร Alpea Bistro ที่มีบรรยากาศแบบสบายๆ

เมื่อเข้ามาที่ทางเข้า คุณจะเห็นห้องอาหาร Alpea Bistro อยู่ตรงหน้า

Maison Dunand
Alpea Bistro สวยงามกลมกลืนกับสวน

เดินต่อมาด้านหลังก็จะพบกับ Maison Dunand ซึ่งเป็นจุดหมายของวันนี้

Maison Dunand
Maison Dunand จะอยู่ทางด้านซ้ายของคุณ
Maison Dunand
สนามหญ้าที่ประตูทางเข้าของ Maison Dunand

แม้ว่าบริเวณโดยรอบร้านจะเป็นย่านธุรกิจที่มีตึกระฟ้ามากมาย

แต่เมื่อดิฉันเข้าไปใน Maison Dunand กลับรู้สึกเหมือนได้รับเชิญไปที่บ้านของใครสักคน

ชื่อของร้านคือ “Maison Dunand” (บ้านของ Dunand)

ดิฉันจึงรู้สึกเหมือนกำลังสนุกสนานอยู่ในบ้านของ Chef Dunand

ร้านอาหารไม่หรูหราแต่มีความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย

เมื่อเข้าไปใน Maison Dunand ความสวยงามของการตกแต่งภายในจะยิ่งเพิ่มขึ้นด้วยแสงไฟที่นุ่มนวล

ความอบอุ่นของไม้ และหน้าต่างบานใหญ่ที่สว่างสดใส

Maison Dunand
การตั้งโต๊ะที่สวยงาม

เมื่อดิฉันนั่งลงและมองไปรอบ ๆ

ยิ่งได้เห็นถึงความสวยงามมากขึ้นไปอีกจนหัวใจพองโต

และพร้อมจะออกเดินทางเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์แห่งการรับประทานอาหารในครั้งนี้

รีวิวละเอียดของ Maison Dunand: การสัมผัสประสบการณ์อาหารมิชลินที่กรุงเทพฯ

Arnaud Dunand เชฟชื่อดังระดับโลก: เส้นทางการทำอาหารฝรั่งเศสที่ไม่เหมือนใครที่ Maison Dunand

Maison Dunand นำเสนออาหารสุดสร้างสรรค์ที่ยังคงรักษาแก่นแท้ของชาว Savoie เอาไว้

โดยผสมผสานแรงบันดาลใจจากการเดินทางรอบโลกของเชฟ

อาหารของชฟเน้นที่วัตถุดิบตามฤดูกาล การเคารพต่ออาหารท้องถิ่น และการทดลองส่วนผสมต่างๆ

เชฟให้ความสำคัญต่อผู้ผลิตในท้องถิ่นทางภาคเหนือของประเทศไทย

เช่นเดียวกับผู้ผลิตรายย่อยแบบยั่งยืนในญี่ปุ่นและในฝรั่งเศสผ่านการทำอาหาร

โดยคำนึงถึงรสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบ

ที่ Maison Dunand เชฟ Arnaud Dunand ได้ผสมผสานความรู้พื้นฐานเข้ากับปรัชญาการทำอาหารเ

พื่อนำเสนออาหารในรูปแบบที่ซับซ้อนแต่เข้าถึงได้

อาหารแต่ละจานมีเรื่องราวของตนเอง

ส่วนผสมแต่ละอย่างมีที่มาและ “raison d’etre (เหตุผลของการมีอยู่)” ของตนเอง

และแต่ละรสชาติจะได้รับการคำนวณอย่างแม่นยำเพื่อสร้างสรรค์ความกลมกลืนและสมดุลเมื่อรับประทาน

ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าทึ่งจริงๆ ค่ะ

ชิมรสชาติมิชลินที่ Maison Dunand: รีวิวละเอียดเกี่ยวกับอาหารของเรา

ครั้งนี้ดิฉันมาในช่วงเวลาอาหารเย็น

อาหารเย็นจะมี 2 แบบ คือ แบบ 7 คอร์ส (4,900 บาท) และแบบ 10 คอร์ส (7,900 บาท)

เมนูนี้มีชื่อว่า “Racines et Voyages” (แก่นแท้และการเดินทาง)

ซึ่งบ่งบอกว่ามื้ออาหารที่กำลังจะมาถึงคือการเดินทาง

Maison Dunand

นอกจากนี้ เห็นว่าจะมีการเปลี่ยนเมนูทุกเดือน

โดยแบบ 7 คอร์สจะไม่รวมเมนูที่มี “สัญลักษณ์ช้อน” ส่วนแบบ 10 คอร์สจะรวมอาหารทุกจานในเมนูค่ะ

พวกเราเลือกทานแบบ 7 คอร์ส เพราะไม่แน่ใจเรื่องปริมาณและรสชาติ

และดิฉันเองก็ไม่ใช่คนชอบทานชีสสักเท่าไร

แถมยังมีการจับคู่ไวน์สำหรับอาหารด้วยนะคะ

Maison Dunand

การจับคู่ไวน์มีให้เลือกแบบ 4 แก้ว (3,200 บาท) และ 6 แก้ว (4,900 บาท)

สามีของดิฉันเป็นคนเดียวที่สั่งจับคู่ไวน์เพราะตอนนี้ดิฉันไม่ใช่นักดื่มแล้ว

หลังจากที่เรานั่งได้สักพัก Amuse-Bouche ก็มาเสิร์ฟ

ทันทีที่วางลงบนโต๊ะ ดิฉันก็ได้กลิ่น “ซีอิ๊ว” ที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคย

Maison Dunand
amuse-bouche ที่มีกลิ่นซีอิ๊ว

ในที่สุด การเดินทางของเราก็ได้เริ่มต้นขึ้น

อาหารจานแรกคือ “Ratatouille, Eel, Nettles”.

สำหรับอาหารที่ต้องทานร้อนทางร้านจะเสิร์ฟแบบร้อน

และอาหารที่ต้องทานในอุณหภูมิห้อง ก็จะเสิร์ฟแบบอุณหภูมิห้อง

Maison Dunand
Ratatouille, Eel, Nettles

ความอบอุ่นของจานนั้นดูเรียบง่ายแต่หรูหรา

อาหารมีความสมดุลของรสหวาน เค็ม และเปรี้ยว

จานถัดไปคือ “Basil, Goat Cheese”

รสชาติเข้มข้นของนมแพะที่เน้นกลิ่นโหระพา

ทั้งนมแพะและใบโหระพามีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

แต่ดูเหมือนอาหารจานนี้จะเคารพและส่งเสริมความเป็นตัวตนของกันและกัน

Maison Dunand
Basil, Goat Cheese

ขนมปังจะเสิร์ฟพร้อมกับอาหารและเป็นแบบโฮมเมด

เนยก็เป็นแบบโฮมเมดเช่นกัน

เนยของวันนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรสเค็ม รสมะเขือเทศ และรสสาหร่าย

เป็นความเชื่อส่วนตัวของดิฉันว่ายิ่งเนยมีคุณภาพดีเท่าไร

ก็จะยิ่งละลายเร็วขึ้นเท่านั้น และเนยของ Maison Dunan ก็ละลายได้ดีมาก

ซึ่งแน่นอนว่าดิฉันกินจนหมดจาน

Maison Dunand
ขนมปังและเนยที่เป็นแบบโฮมเมด

จานที่สามคือ “Brittany Crab, Tagete”

เมือง Brittany ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส

โดยมีชื่อเสียงด้านอาหารทะเลที่สดใหม่

จานที่สวยงามนี้ทำจากปูสีน้ำตาลซึ่งเป็นอาหารพิเศษอย่างหนึ่งของ Brittany

Maison Dunand
Brittany Crab, Tagete

จานนี้ออกแบบเป็นสวนดอกไม้โดยมีดอกไม้ตามฤดูกาลเพิ่มสีสัน

ซึ่งสามีของดิฉันชอบอาหารจานนี้มากที่สุดในบรรดาเจ็ดจาน

จานที่สี่คือ “Oyster, Anis”

หอยนางรมมาจาก Utah ประเทศฝรั่งเศส

ซอส Anis ทำให้รสชาติในปากอบอวลไปด้วยน้ำซุปดาชิที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นเคยเป็นอย่างดี

Maison Dunand
Oyster, Anis

จานที่ห้าคือ “Wild caught Cod, Tomato”

Maison Dunand
Wild caught Cod, Tomato

มีรสมะเขือเทศที่ออกเผ็ดเล็กน้อยช่วยให้ไขมันปลามีรสชาติที่สดชื่น

สีแดงทางด้านขวาคือ “โมมิจิโอโรชิ (หัวไชเท้าขูดและพริกแดง)” น้ำซุปญี่ปุ่นที่ให้รสชาติแบบญี่ปุ่น

ดิฉันรู้สึกประหลาดใจที่พบว่ามะเขือเทศและดาชิเข้ากันได้เป็นอย่างดี

จานที่หกคือ “Mushroom, Yellow Wine”

Maison Dunand
Mushroom, Yellow Wine

จานนี้เป็นราวีโอลี่ชิ้นใหญ่ ซึ่งไส้ในอัดแน่นไปด้วยเห็ด

มีกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลและเห็ดพอชชินีที่อบอวลไปทั่วทั้งจาน

อาหารจานหลักคือ “Beef Short Rib, Artichoke”

อาหารจานหลักมีให้เลือกสองแบบคือ “Pigeon, Rocket”

แต่ดิฉันและสามีเลือกเนื้อวัว

Maison Dunand
Beef Short Rib, Artichoke

เนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลีย

ปรุงด้วยอุณหภูมิต่ำเป็นเวลา 5 ชั่วโมงจนเนื้อนุ่มแบบไม่ต้องใช้มีดหั่น

ความขมเล็กน้อยของอาร์ติโชกผสมผสานกับเนื้อวัวทำให้มีรสชาติกลมกล่อม

การเดินทางของเราสิ้นสุดลงตรงนี้ ตรงที่ได้ทานไอศกรีมชอร์เบท์เพื่อเติมความสดชื่นก่อนของหวาน

ซึ่งชอร์เบท์ประจำวันนี้คือ “Gin and Tonic and Cherry”

Maison Dunand

เป็นรสชาติที่ไม่หวานมาก และช่วยให้ปากสดชื่นด้วยรสเปรี้ยวและจินกับโทนิค

ดิฉันไม่ใช่แฟนตัวยงของขนมหวาน และคิดว่านี่เป็นของหวานประจำวันนี้

แต่ในระหว่างที่เรากำลังรอทานอาหารให้เสร็จ ของหวานก็มาเสิร์ฟ

เป็น “Strawberry, Buckwheat” ที่ดูสดใสค่ะ

Maison Dunand
Strawberry, Buckwheat

ไอศกรีมที่มีรสหวานอ่อนๆ มีทั้งความหวานและความเปรี้ยวจากสตรอว์เบอร์รี่

และมีรสชาติของแป้งบักวีต ดิฉันเคยทานเครปบักวีตมาก่อน

แต่ไม่เคยทานไอศกรีมที่มีรสชาติของแป้งบักวีต

จึงถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่สำหรับดิฉันเลย

และในระหว่างที่ดิฉันกำลังดื่มกาแฟในตอนท้ายนั้น petit Fours ก็มาค่ะ

Maison Dunand
ด้านบน: ทาร์ตแอปเปิ้ล, ด้านซ้าย: ทาร์ตเลมอน, ด้านขวา: แอปริคอต

ของหวานเสิร์ฟมาในชามไม้ที่สวยงาม แค่มองก็อิ่มตาอิ่มใจ

แต่เพราะเราอิ่มกันแล้ว จึงนำกลับบ้านและทานคู่กับกาแฟกันอย่างเอร็ดอร่อยในวันถัดไปค่ะ

และเมื่อ “Racines et Voyages” ของฉันสิ้นสุดลง ดิฉันก็กลับบ้านไปอย่างมีความสุข

แต่งตัวอย่างไรที่ Maison Dunand: คำแนะนำเกี่ยวกับการแต่งกายในร้านอาหารมิชลิน

ดูเหมือนว่าจะไม่มีข้อกำหนดเรื่องการแต่งกายโดยเฉพาะ

แต่ดิฉันคิดว่าแต่งชุดลำลองแบบสุภาพเป็นความคิดที่ดี

เพื่อเป็นการให้เกียรติร้านอาหารค่ะ

ตอนที่ดิฉันไป ผู้ชายจะสวมแจ็กเก็ต และผู้หญิงหลายคนจะสวมชุดที่หรูหราแต่ดูเนียบค่ะ

ความคุ้มค่าของการทานอาหารที่ Maison Dunand: วิธีการวางแผนงบประมาณสำหรับอาหารมิชลิน

อาหารกลางวัน 6 คอร์ส ราคา 2,600 บาท

การจับคู่ไวน์ 2 แก้ว ราคา 1,400 บาท

อาหารเย็น 2 แบบ: 7 คอร์ส  (4,900 บาท) และ 10 คอร์ส  (7,900 บาท)

มีการจับคู่ไวน์ 2 แบบ: 4 แก้ว (3,200 บาท) และ 6 แก้ว (4,900 บาท)

ไม่มีบริการแบบอาหารจานเดียว

มี VAT 7% และค่าบริการ 10%

สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนไปที่ Maison Dunand: ทบทวนจุดเด่นและจุดด้อย

ประสบการณ์อันน่าจดจำที่ Maison Dunand: เสน่ห์ของการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลิน

เชฟ Arnaud Dunand เจ้าของและเชฟมิชลินสตาร์ เป็นผู้ปรุงอาหารให้คุณ

อาหารทุกจานมีความประณีต อร่อย และสวยงาม

คุณสามารถสัมผัสบรรยากาศของประเทศต่างๆ ผ่านอาหาร

สร้างแรงบันดาลใจให้กับความคิดสร้างสรรค์ของคุณผ่านอาหาร

เปิดให้บริการอาหารกลางวัน

การบริการที่สุภาพเรียบร้อยและน่าประทับใจ

บรรยากาศผ่อนคลายราวกับได้รับเชิญมาที่วิลล่าของเชฟ Dunand

มีบริการรับจอดรถ

ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส

ข้อควรระวังสำหรับการเยี่ยมชม Maison Dunand ของคุณ: เคล็ดลับสำคัญ

ถึงแม้ว่าจะอยากไป แต่ต้องไม่บ่อย เพราะราคาค่อนข้างสูง

มาทำความรู้จัก Maison Dunand ที่สมบูรณ์แบบ: การสัมผัสประสบการณ์อาหารมิชลินที่กรุงเทพฯ

วันนี้ดิฉันขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ Maison Dunand ร้านอาหารมิชลินสตาร์หนึ่งดาวที่สาทรซอย 10

จากบ้านเกิดที่เมือง Savoie ประเทศฝรั่งเศส เชฟ Dunand

จะพาเราออกเดินทางไปกับอาหารสุดสร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินทางไปรอบโลก

เป็นประสบการณ์ที่แสนสนุกและน่าตื่นเต้นเมื่อได้สัมผัสกับ “ลม” ของประเทศต่างๆ ยามที่รับประทานอาหาร

แต่ดิฉันคงไม่สามารถทานอาหารระดับมิชลินสตาร์ได้ทุกวัน

เพราฉะนั้นคราวหน้าดิฉันจะลองไปทานที่ Alpea Bistro ร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ที่อยู่ใกล้กันดูค่ะ

การเดินทางไปยัง Maison Dunand: คำแนะนำการเดินทางไปยังร้านอาหาร
มิชลินของเราที่กรุงเทพฯ

ที่ตั้ง:55 ซอย สีลม 9 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

Maison Dunand

この記事が気に入ったら
フォローしてね!

よかったらシェアしてね!
  • URLをコピーしました!
  • URLをコピーしました!

กรุณาแสดงความคิดเห็นหากคุณชอบบทความนี้

コメントする

Contents