Cagette Canteen & Deli – รีวิวร้านอาหารฝรั่งเศสที่อร่อยย่านสาทร!

รีวิวฉีดวัคซีนและผลข้างเคียงจากแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca)

สวัสดีค่ะทุกคน

ชิฟูมิ มายด้า ผู้บริหารสาวชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมบล็อก

“รีวิวจริงจากผู้บริหารสาวชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” นะคะ

 

วันนี้ดิฉันอยากมาเล่าประสบการณ์ฉีดวัคซีนในไทยและผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับดิฉันหลังจากได้รับวัคซีนค่ะ

Contents

ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca)

ประเทศไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนที่ได้รับจากประเทศจีนทั้งซิโนแวค (Sinovac) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm)

โดยเริ่มจากบุคลากรทางการแพทย์ก่อนตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

หลังจากนั้นก็เริ่มทยอยฉีดให้ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป

และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังตามที่กระทรวงสาธารณสุขไทยกำหนดตามลำดับ

 

ส่วนตัวดิฉันเองช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านประกันสังคมในนามบริษัทเช่นกัน

แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากหน่วยงานรัฐแต่อย่างใด

 

ตอนที่ลงทะเบียนจะไม่สามารถเลือกชนิดของวัคซีนเองได้

หน่วยงานรัฐจะเป็นคนกำหนดว่าจะได้รับวัคซีนชนิดไหนระหว่างซิโนแวค ซิโนฟาร์ม หรือแอสตร้าเซนเนก้า

 

พนักงานคนไทยในบริษัทดิฉันเลือกที่จะจองวัคซีนกับทางโรงพยาบาลด้วยตัวเอง

พนักงานบางคนก็ได้คิวฉีดแอสตร้าเซนเนก้าค่อนข้างไว โดยฉีดเข็มแรกไปตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายน

 

สามีของดิฉันเองเป็นผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตแห่งหนึ่ง เลยมีจำนวนพนักงานเยอะพอสมควร

และเพื่อป้องกันคลัสเตอร์โควิดภายในบริษัทเลยเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกกันไปตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนแล้ว

 

จริงๆ แล้วดิฉันก็ได้รับการติดต่อจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย

ให้เดินทางกลับญี่ปุ่นชั่วคราวเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ด้วยเหมือนกัน

แต่ดิฉันเลือกที่จะไม่กลับไปเพราะรู้สึกว่าถ้าต้องกลับญี่ปุ่นเพื่อไปฉีดวัคซีนอย่างเดียว

เราจะต้องเสียทั้งเวลาในการกักตัวทั้งสองประเทศ (ไทยและญี่ปุ่น) แถมมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

 

พอลองลงทะเบียนกับโรงพยาบาลหลายแห่งในไทย ข้อมูลที่ได้มาก็มักจะไม่ค่อยตรงกันเท่าไร

เช่น

ไม่ฉีดให้ชาวต่างชาติ
ฉีดให้เฉพาะผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปก่อน
ฉีดให้เฉพาะ 7 กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังก่อน

เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าข้อมูลไหนที่ถูกต้องกันแน่ แต่ก็ไม่สามารถลงทะเบียนฉีดวัคซีนในนามบุคคลได้

และในระหว่างนั้นก็มีประกาศจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยให้ไปเข้ารับการฉีดวัคซีนค่ะ

การติดต่อจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยให้ไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

วันที่ 29 กรกฎาคม มีประกาศจากสถานทูตญี่ปุ่น

ให้คนญี่ปุ่นในประเทศไทยเข้าไปรับการฉีดวีคซีนที่จัดสรรมาให้โดยเฉพาะ

 

ในตอนแรกจะให้เฉพาะผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังก่อน

แล้วหลังจากนั้นถึงจะเริ่มกระจายให้แก่คนที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป

แล้วตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมก็จะเริ่มทยอยฉีดให้กับคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปค่ะ

 

ส่วนตัวดิฉันอายุ 45 เลยได้รับการติดต่อจากสถานทูตในวันที่ 13 สิงหาคม พอได้ปุ๊บก็รีบลงทะเบียนเลยค่ะ

 

ตอนลงทะเบียนสามารถเลือกโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ได้หลายแห่ง

ส่วนดิฉันเลือกโรงพยาบาลสมิติเวชที่ดิฉันค่อนข้างจะคุ้นเคยและอยู่ใกล้กับบริษัทที่สุดค่ะ

 

ตอนลงทะเบียนจะได้รับข้อความว่า “ให้รอประมาณ 2 อาทิตย์หลังจากลงทะเบียนเสร็จ”

เลยคิดไปเองว่า

อาจจะได้ฉีดประมาณต้นเดือนกันยายนหรือเปล่านะ

 

แต่พอวันที่ 19 สิงหาคมก็ได้รับอีเมลให้ไปรับวีคซีนเข็มแรกวันที่ 24 สิงหาคม

ส่วนเวลาทางโรงพยาบาลจะเป็นผู้กำหนดให้

 

พอฉีดวัคซีนเข็มแรกเสร็จก็จะระบุวันเวลาสำหรับฉีดเข็มสองมาให้เลย และได้รับใบนัดหมายมาค่ะ

วันฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรก

เพราะได้รับอีเมลแจ้งว่า “กรุณามารับการฉีดวัคซีนในวันอังคารที่ 24 สิงหาคม เวลา 14:00-14:30 น.”

พอถึงวันก็ออกจากบริษัทตอน 13:30 แล้วมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลสมิติเวชเลยค่ะ

 

จุดฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลค่ะ

จุดฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลค่ะ

 

จุดฉีดวัคซีนจะแบ่งออกเป็นจุดลงทะเบียน ห้องรอฉีด จุดสำหรับฉีดวัคซีน และโซนนั่งพักเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ

เหมือนจะมีคนมาฉีดแค่ประมาณ 20 คนเองค่ะ

 

การฉีดวัคซีนผ่านไปได้ด้วยดี หลังฉีดเสร็จก็เฝ้าสังเกตอาการต่อประมาณ 30 นาที

แล้วก็กลับบ้านไปทานข้าวเย็นได้ปกติโดยไม่มีปัญหาอะไร

 

ข้าวเย็นวันที่ฉีดวัคซีนเป็นสเต็กหมูค่ะ ทานได้อร่อยเหมือนปกติเลย…

ข้าวเย็นวันที่ฉีดวัคซีนเป็นสเต็กหมูค่ะ ทานได้อร่อยเหมือนปกติเลย…

 

พอกินข้าวเย็นตามปกติเสร็จก็ไปอาบน้ำแต่ก็ยังไม่มีอาการอะไรจนคิดไปว่าคงไม่เป็นไรแล้วมั้ง

แต่…

ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน – หนาวสั่น ปวดหัว อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว

วันที่ฉีดวัคซีน (24 สิงหาคม 2564)

ผ่านไป 6 ชั่วโมงครึ่งหลังจากฉีดวัคซีน เป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่ม

ดิฉันตั้งใจจะเข้านอนให้ไวกว่าเดิม แต่พอห่มผ้าแล้วกลับหนาวสั่นขึ้นมา

ซึ่งเป็นอาการก่อนที่จะเริ่มมีไข้ขึ้นสูง

 

ลองวัดไข้ดูแล้วก็เป็นอุณหภูมิปกติ

รู้สึกว่าบริเวณปลายเท้าจะเย็นขึ้นกว่าปกติ ครึ่งตัวล่างรู้สึกหนาวก็จริง

แต่ครึ่งบนกลับรู้สึกร้อนแปลกๆ

จนไม่รู้ว่ากำลังร้อนหรือหนาวอยู่กันแน่

 

ดิฉันห่มผ้าห่มหนาๆ คลุมบริเวณเท้าไว้ทั้งหมด แล้วนอนโดยไม่ได้ห่มผ้าช่วงบนค่ะ

ส่วนใบหน้าเองก็รู้สึกร้อนขึ้นมาเลยเปลี่ยนไปใช้หมอนเจลเย็นแล้วนอนต่อ

มีเหงื่อออกทั้งใบหน้าและแผ่นหลังเยอะมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

พอหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะมีอาการปวดหัวคล้ายกับจังหวะการเต้นของชีพจร

พอลองดูนาฬิกาก็เป็นเวลาประมาณตี 1 กว่าแล้วค่ะ

 

ดิฉันลุกมากินยาลดไข้ (พารา 2 เม็ด) แล้วลองนอนต่อดู

ปรากฎว่าอาการปวดหัวก็ยังไม่ทุเลาลงจนนอนไม่หลับถึงเช้าเลยค่ะ

 

วันที่ 2 หลังจากฉีดวัคซีน

และแล้วก็เข้าสู่เช้าวันถัดไปโดยที่อาการปวดหัวก็ยังไม่ทุเลาลง

ดิฉันกินอาหารเช้านิดหน่อยตอนประมาณ 7 โมง แต่หลังจากกินไป 40 นาทีก็อาเจียนออกมาค่ะ

หลังจากนั้นถึงจะแค่ดื่มน้ำก็จะอาเจียนออกมาค่ะ

ตอนกลางวันก็ไม่อยากกินอะไร เลยกินแอปเปิ้ลไปแต่ก็ยังอาเจียนอยู่ดี

แถมไม่มีทีท่าว่าอาการปวดหัวจะบรรเทาลงเลย เลยเลือกไปนอนพักบนเตียงค่ะ

 

พอประคบเย็นที่หัวแล้วรู้สึกว่าอาการปวดหัวจะเบาลงนิดหน่อย

เลยเลือกใช้เป็นหมอนเจลเย็นเหมือนเดิมค่ะ

ดิฉันไม่รู้ตัวเลยว่ามันร้อนหรือมันหนาวกันแน่ แต่มีเหงื่อออกเยอะมาก

 

ส่วนตอนเย็นก็กินได้แค่ซุปมิโสะเท่านั้นค่ะ

 

ตอนประมาณ 3 ทุ่ม จู่ๆ ก็รู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย

ไม่มีการอาเจียนแล้วแต่ก็ยังคงปวดหัวอยู่เหมือนเดิม

แต่ไม่ได้ปวดหัวคล้ายกับจังหวะการเต้นของชีพจรเหมือนก่อนหน้านี้

รู้สึกว่าจะดีขึ้นมานิดหน่อยแล้วค่ะ

 

แต่กลับเริ่มไปปวดกล้ามเนื้อบริเวณแขนซ้ายที่ฉีดวัคซีนกับครึ่งตัวฝั่งซ้ายแทน

โดยเฉพาะภายในหูด้านซ้ายกับคอฝั่งซ้ายจะรู้สึกปวดมากเป็นพิเศษ

 

ดิฉันยังหนาวสั่นอยู่เหมือนเดิม เลยพยายามทำตัวให้อุ่นแล้วนอนหลับไปเหมือนกับคืนแรกค่ะ

 

วันที่ 3 หลังจากฉีดวัคซีน

อาการหนาวสั่นทั้งตัวหายไปแล้ว เลยตื่นนอนตามเวลาปกติ

กินข้าวเช้าได้ตามปกติแล้วแต่ยังคงปวดหัวมากอยู่เหมือนเดิม

ดิฉันเลือกที่จะดูแลร่างกายตัวเองให้ดีขึ้นก่อนเลยไม่เข้าบริษัทแล้วทำงานที่บ้านแทน

อาการปวดเมื่อยตามร่างกายฝั่งซ้ายหนักขึ้นกว่าวันที่ 2 มากจนยกแขนไม่ขึ้นเลยค่ะ

อีกทั้งยังมีอาการปวดตั้งแต่บริเวณใต้รักแร้ฝั่งซ้าย สะโพก ขาหนีบด้านซ้าย ไปจนถึงหัวเข่าด้านซ้ายอีกด้วย

ดิฉันคาดว่าน่าจะเป็นจุดที่มีต่อมน้ำเหลืองอยู่ค่ะ

 

แต่พอตกเย็นอาการปวดหัวก็ทุเลาไปมากแล้วเลยเข้านอนได้ตามปกติค่ะ

 

วันที่ 4 หลังจากฉีดวัคซีน

วันที่ 4 ดิฉันเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว เหลือเพียงแค่อาการปวดกล้ามเนื้อฝั่งซ้ายเท่านั้นค่ะ

เริ่มอยากทานอาหารมากขึ้น

แต่ยังมีอาการปวดหัวอยู่เล็กน้อยในระดับที่สามารถทำงานได้ตามปกติเลยออกไปทำงานที่บริษัทค่ะ

หลังจากนั้นก็ทำงานได้ปกติ พอกลับมาบ้านก็กินข้าวและเข้านอนได้ตามปกติด้วยเช่นกันค่ะ

สิ่งที่ควรเตรียมไว้เพื่อรับมือกับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน

สิ่งเหล่านี้เป็นของที่ดิฉันเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อรับมือกับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นค่ะ

แผ่นเจลลดไข้แปะหน้าผาก (เช่น KoolFever :คูลฟีเวอร์)

แผ่นเจลลดไข้แปะหน้าผากสะดวกต่อการใช้เวลาที่มีไข้ขึ้นหรือตัวร้อน

ปกติดิฉันจะมีอาการปวดหัวข้างเดียวอยู่แล้ว ถ้าศีรษะเย็นลงอาการก็จะดีขึ้น

เลยมีแผ่นเจลลดไข้เตรียมไว้ที่บ้านอยู่แล้ว

ครั้งนี้ก็ได้แผ่นเจลลดไข้นี้ช่วยไว้เยอะเลยค่ะ

 

KoolFever :คูลฟีเวอร์ สำหรับลูกน้อย

KoolFever :คูลฟีเวอร์ สำหรับลูกน้อย

 

KoolFever สำหรับเด็ก

KoolFever สำหรับเด็ก

 

KoolFever สำหรับผู้ใหญ่

KoolFever สำหรับผู้ใหญ่

 

แผ่นเจลประคบเย็น (เช่น Nexcare ColdHot Maxi (เน็กซ์แคร์ โคลด์ฮอท แม็กซี่))

ดิฉันใช้แผ่นเจลประคบเย็นขนาดใหญ่ค่ะ

 

ครอบครัวที่มีเด็กเล็กอยู่ด้วยส่วนมากก็น่าจะมีแผ่นเจลประคบเย็นติดตู้เย็นไว้

เผื่อเวลาเจ้าตัวเล็กเกิดตัวร้อนขึ้นมากะทันหันใช่ไหมล่ะคะ?

 

ครั้งนี้แผ่นเจลประคบเย็นเองก็มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ

ดิฉันเอาผ้าขนหนูมาพันรอบแผ่นเจลแล้วใช้แทนหมอนไปเลย

 

แผ่นเจลแบบนี้นอกจากจะใช้ประคบเย็นแล้ว ยังใช้ประคบร้อนได้ด้วยนะคะ

เพื่อนดิฉันเองก็ใช้ประคบร้อนบริเวณหน้าท้องเวลาปวดท้องประจำเดือนเหมือนกันค่ะ

 

เน็กซ์แคร์ โคลด์ฮอท แม็กซี่

เน็กซ์แคร์ โคลด์ฮอท แม็กซี่

 

เครื่องดื่มเกลือแร่ (เช่น Royal-D (รอแยล-ดี) หรือ Pocari Sweat (โพคารี่เสวท))

ดิฉันมีอาการอาเจียนเพิ่มมาด้วย เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำเลยเตรียมไว้ด้วยค่ะ

 

ปกติมักจะดื่มเวลาท้องเสียหรือตอนออกกำลังกายกันอยู่แล้ว

คิดว่าหลายๆ ครอบครัวคงมีติดบ้านไว้เหมือนกัน

ดิฉันวางน้ำทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง แล้วคอยดื่มเรื่อยๆ

พอดิฉันดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่แล้วอาการอาเจียนก็จะทุเลาลง

เลยรู้สึกว่าเป็นของสำคัญอีกอย่างที่ต้องมีเตรียมไว้เลยค่ะ

 

Royal-D (รอแยล-ดี)

Royal-D (รอแยล-ดี)

 

Pocari Sweat (โพคารี่เสวท)

Pocari Sweat (โพคารี่เสวท)

สรุป

และนี่ก็คือประสบการณ์และผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าของดิฉันค่ะ

สามีของดิฉันแทบจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย ส่วนพนักงานในบริษัทเองบางคนก็มีบางคนก็ไม่มี

เลยอยากนำประสบการณ์ส่วนตัวมาเล่าให้ฟังและหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ

この記事が気に入ったら
フォローしてね!

กรุณาแสดงความคิดเห็นหากคุณชอบบทความนี้

コメントする

Contents