สวัสดีค่ะทุกคน
ชิฟูมิ มายด้า ผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมบล็อก
“รีวิวจริงจากผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” นะคะ
วันนี้จะมารีวิว J’AIME by Jean-Michel Lorain ร้านอาหารฝรั่งเศสมิชลิน 1 ดาวค่ะ
บ้านดิฉันอยู่แถวนี้ก็จริง แต่เพิ่งจะรู้ว่าแถวนี้มีร้านอาหารฝรั่งเศสและร้านอาหารติดดาวมิชลินมารวมกันอยู่เยอะขนาดนี้
รู้สึกได้เลยว่าช่วงนี้มีร้านอร่อยๆ เพิ่มขึ้นเยอะมาก
อันนี้เป็นบล็อกรีวิวร้านอาหารฝรั่งเศสที่เคยแนะนำไว้ค่ะ
ครั้งนี้ไปทานแบบ Set Menu ที่ร้าน J’AIME by Jean-Michel Lorain
แล้วรู้สึกประทับใจกับรสชาติอาหารของที่นี่มาก
ที่นี่มีอาหารที่ใช้วัตถุดิบของไทยค่อนข้างเยอะ
แต่สามารถดึงรสความอร่อยของวัตถุดิบออกมาได้ขนาดนี้ น่าประทับใจมากๆ ค่ะ
ของที่เสิร์ฟคู่มากับขนมปัง เรียงจากด้านบนคือน้ำมันมะกอก เนย ไขมันเป็ด และซอสดิปถั่วแมคคาเดเมีย
ดิฉันไม่เคยกินดิปถั่วแมคคาเดเมียมาก่อน อร่อยมากจริงๆ ค่ะ
ประวัติของ J’AIME by Jean-Michel Lorain
J’AIME by Jean-Michel Lorain เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสระดับมิชลิน 1 ดาว
ที่เปิดทำการโดยเชฟชาวฝรั่งเศส Jean-Michel Lorain เมื่อปี 2014
ตัวร้านจะตั้งอยู่ในโรงแรม U Sathorn Bangkok
ว่ากันว่าเชฟ Jean-Michel Lorain เป็นหนึ่งในเชฟที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในฝรั่งเศส
ทั้งโรงแรมและร้านอาหาร (La Côte Saint-Jacques) ใน Burgundy ต่างก็ได้รับรางวัลมิชลิน 2 ดาวทั้งคู่
ภรรยาของเชฟ Jean-Michel Lorain เองก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะหนึ่งในซอมเมอลิเยร์สาวมากฝีมือ
เพราะฉะนั้นดิฉันจึงมองว่าการได้ลิ้มลองอาหารฝีมือเชฟระดับนี้ในกรุงเทพฯ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก
ปัจจุบันนี้ร้านสาขาที่ไทยมีเชฟชาวอิตาลี Amerigo Sesti คอยแสดงฝีมือรังสรรค์อาหารให้เราทานกัน
รีวิว: J’AIME by Jean-Michel Lorain
รีวิวอาหาร
ที่ร้านจะแบ่งเป็นคอร์สอาหารกลางวันและอาหารเย็น
เมนูกับราคามีดังนี้
1. PICNIC LUNCH MENU (เฉพาะช่วงกลางวัน) 1,150 THB
2. LORAIN’S SIGNATURE (เฉพาะช่วงเย็น) 1,900 THB
3. J’AIME JOURNEY (เฉพาะช่วงเย็น) 2,900 THB
4. A la carte
สามารถสั่งไวน์มาดื่มคู่กับเซ็ตเมนูมื้อค่ำได้ด้วยค่ะ
พวกเรามาตอนช่วงอาหารค่ำพอดี เลยเลือกสั่งเป็น
LORAIN’S SIGNATURE (เฉพาะช่วงเย็น) ในราคา 1,900 บาทค่ะ
ใน 1 เซ็ตจะแบ่งออกเป็น 5 คอร์ส (หากมีชีสด้วยจะเป็น 6 คอร์ส)
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเลยสั่งไวน์มาดื่มคู่กันด้วย (1,400 บาท)
ใน 5 คอร์สจะเริ่มเสิร์ฟจาก Canapé (คานาเป้) ตามด้วย Amuse Bouche อาหารเรียกน้ำย่อย จานหลัก และของหวาน
โดยจะมีอาหารเรียกน้ำย่อย 2 ชนิด และจานหลักอีก 3 ชนิดให้คุณเลือกทานได้ตามใจชอบอย่างละ 1 จาน
ระหว่างรออาหารเรียกน้ำย่อย ทางร้านจะเสิร์ฟ Canapé และ Amuse Bouche มาให้ทานเล่นรอไปพลางๆ ก่อน
ดื่มแชมเปญพร้อมทาน Canapé กับ Amuse Bouche ไปด้วยระหว่างรอค่ะ
Amuse Bouche จะมี Sea pineapple (สัปปะรดทะเล) อยู่ด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วดิฉันไม่ค่อยชอบรสชาติของมันเท่าไร
หลายคนก็คงไม่ค่อยถูกปากเช่นกัน แต่จานนี้ปรุงได้ดีมากจนรู้สึกว่าทานได้อย่างอร่อยกว่าที่คาดไว้ค่ะ
ต่อมาเป็นจานอาหารเรียกน้ำย่อย
สามารถเลือกอาหารเรียกน้ำย่อยได้ 1 อย่างจากทั้งหมด 2 ชนิด
รอบนี้ดิฉันเลือกเป็น Tiger Prawn (กุ้งกุลาดำ) ค่ะ
หน้าตาสวยงามน่าทานมาก เหมือนเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งเลยค่ะ
พอทานแล้วความหวานของกุ้งและรสเปรี้ยวของน้ำสลัดผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว
ไวน์ที่สั่งมาคู่กันจะเป็นไวน์ขาว Rhone ซึ่งเป็นชื่อหมู่บ้านหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
เป็นไวน์ที่หอมและมีกลิ่นผลไม้ด้วย ดื่มแล้วได้กลิ่นหอมเหมือน Citrus flower กระจายอยู่เต็มปากเลยค่ะ
และแน่นอนว่าสามีดิฉันเลือกเป็นฟัวกราส์อีกแล้ว…
ส่วนไวน์เลือกเป็นไวน์ขาวจาก Loire Valley ทางตะวันตกของฝรั่งเศส
ดิฉันได้ลองชิมไปนิดหน่อยก็รู้สึกได้ว่าตัวไวน์มีความข้นและได้กลิ่นผลไม้ค่อนข้างแรง
เป็นไวน์ที่ให้รสสัมผัสสู้ลิ้นไม่แพ้ไขมันจากฟัวกราส์เลยค่ะ
จะว่าไปตอนไป Savelberg กับ Le Normandie สามีดิฉันก็เลือกเป็นฟัวกราส์เหมือนกันค่ะ
มาต่อกันที่จานหลักเลยดีกว่าค่ะ ทั้งสามีและดิฉันเลือกเป็นเนื้อวากิวทั้งคู่จากจานหลักทั้ง 3 ชนิด
แน่นอนว่าเลือกเป็นระดับ Medium rare ค่ะ
แต่เดิมวากิวเป็นเนื้อวัวญี่ปุ่น แต่ก็มีแบ่งออกเป็น Australian Wagyu หรือ US Wagyu ด้วย
ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการทำปศุสัตว์
แต่ดิฉันรู้สึกได้ว่าเนื้อทั้งสองชนิดนี้มีไขมันแทรกและสัมผัสของเนื้อแตกต่างจากวากิวของญี่ปุ่นอยู่เล็กน้อย
แต่สำหรับจานนี้ ทั้งไขมันแทรกที่ละลายในปากและความหวานก็แทบไม่ต่างกับวากิวของญี่ปุ่นเลย
ซึ่งสามีดิฉันก็คิดเหมือนกัน เลยลองถามพนักงานดูและได้คำตอบมาว่าเป็น “วากิวจากประเทศไทย”
ดิฉันถึงกับอึ้งไปเลย
พนักงานบอกอีกว่าเป็นเนื้อวากิวจากฟาร์มปศุสัตว์ในจังหวัดนครราชสีมา
พริกไทยของทางร้านเองก็มาจากจังหวัดทางเหนือของไทย
(ไม่แน่ใจชื่อจังหวัดค่ะ)
ในไทยปกติแล้วจะหาทานเนื้อวัวได้ค่อนข้างยากเพราะมีหลายคนที่ไม่ทานเนื้อ
เลยรู้สึกว่าเนื้อของไทยจะค่อนข้างแข็ง
คาดไม่ถึงว่าจะได้ทานเนื้อวากิวของไทยที่ทั้งอร่อยและมีรสสัมผัสคล้ายกับวากิวของญี่ปุ่นเช่นนี้
แต่การจะดึงรสชาติของวัตถุดิบชั้นเลิศเช่นนี้ออกมาได้ขนาดนี้
ก็ต้องพึ่งเทคนิคและฝีมือของเชฟด้วยเช่นกัน
ซึ่งในจุดนี้ดิฉันประทับใจและทานได้อย่างเอร็ดอร่อยมากเลยค่ะ
ไวน์ที่ทานคู่กับวากิวจะเป็นไวน์แดง Chateau Carignan จาก Bordeaux
ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
เป็นไวน์แบบ full body ที่หอมกลิ่นลูกโอ๊กมากๆ
มาจบกันที่ของหวานในวันนี้ “มีลเฟย”
ตัวเนื้อพายมีความกรุบกรอบกับครีมที่ไม่หวานจนเกินไป ทานเข้าไปแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นมาก
เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกับการทานอาหาร
และสัมผัสได้ถึงการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างฝรั่งเศสและไทยเลยค่ะ
การแต่งกาย (Dress code)
ทางร้านไม่ได้กำหนดเครื่องแต่งกายไว้แบบตายตัว
แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่และแขกคนอื่นที่มาทาน
ดิฉันมองว่าแต่งแบบ Smart Casual ก็ถือว่าโอเคแล้ว
ราคา
ราคาอาหารแบบเซ็ตเมนูมีดังนี้
PICNIC LUNCH MENU (เฉพาะช่วงกลางวัน) 1,150 บาท
LORAIN’S SIGNATURE (เฉพาะช่วงเย็น): 1,900 THB
Wine Pairing: 1,400 THB
J’AIME JOURNEY (เฉพาะช่วงเย็น): 2,900 THB
Wine Pairing: 2,400 THB
A la carte
ราคาข้างต้นยังไม่รวม Service charge และ VAT 7%
เราสองคนจ่ายค่าอาหารไป 9,000 บาท
ราคานี้รวมชุด LORAIN’S SIGNATURE และ Wine pairing สำหรับ 2 คน
รายละเอียดร้าน J’AIME by Jean-Michel Lorain
ที่ตั้ง: U Sathorn Bangkok,
105, 105/1 ซ.งามดูพลีทุ่งมหาเมฆ สาทร, กรุงเทพฯ, 10120
Tel:+66 (0)2 119 4899
E-mail:reserve@jaime-bangkok.com
เว็บไซต์:www.jaime-bangkok.com
วันทำการ:
วันพฤหัสบดี: 18.00 – 22.00 น.
วันศุกร์ถึงวันจันทร์: 12.00 – 15.00 น. 18.00 – 22.00 น.
Sunday Brunch เวลา 12.00 – 15.00 น. ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน
ปิดวันอังคารและวันพุธ
ที่จอดรถ:มี
กรุณาแสดงความคิดเห็นหากคุณชอบบทความนี้