สวัสดีค่ะทุกคน
ชิฟูมิ มายด้า ผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมบล็อก
“รีวิวจริงจากผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” นะคะ
วันนี้ดิฉันจะมารีวิวร้านระดับมิชลิน 1 ดาว Blue by Alain Ducasse
แถวบ้านดิฉันมีร้านอาหารระดับมิชลินอยู่หลายร้าน ทำให้มีโอกาสได้ไปร้านอาหารฝรั่งเศสมากขึ้น
และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ดิฉันได้เริ่มไปร้านอาหารมิชลิน
บล็อกร้านอาหารฝรั่งเศสระดับมิชลินที่เคยรีวิวไว้ค่ะ
จริงๆ แล้วนี่เป็นครั้งที่ 3 ที่ดิฉันมาพักที่ The Mandarin Oriental Bangkok
เยื้องจากโรงแรมจะมีห้าง ICON SIAM อยู่
ซึ่งร้าน Blue by Alain Ducasse ที่จะมารีวิววันนี้จะอยู่ที่ชั้น 1 ของ ICON SIAM ค่ะ
ปกติดิฉันจะเดินทางด้วยรถยนต์ พอต้องนั่งเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาของ ICON SIAM จึงรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เลยไปใช้บริการเรือข้ามฟากของโรงแรม The Mandarin Oriental ที่พักอยู่แทนค่ะ
(บล็อกรีวิว The Mandarin Oriental ↓)
มาเริ่มรีวิว Blue by Alain Ducasse กันเลยดีกว่าค่ะ
ภาพรวมของ Blue by Alain Ducasse ICONSIAM: ร้านอาหารฝรั่งเศสมิชลิน
ร้าน Blue by Alain Ducasse ของเชฟ Alain Ducasse
เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสมิชลิน 1 ดาวที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2019
เชฟ Alain Ducasse ได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าแห่งวงการอาหารฝรั่งเศส
เป็นเชฟที่ได้รับรางวัลมิชลิน 3 ดาวที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
และเป็นเชฟคนแรกที่ได้รับรางวัลมิชลิน 3 ดาวจากร้านอาหารที่ต่างกันใน 3 ประเทศ
ดิฉันเคยไปทานอาหารที่ร้าน BEIGE Alain Ducasse Tokyo
ที่คอลแลปกับ Chanel ของเชฟท่านนี้ที่โตเกียวอยู่หลายครั้ง
เลยรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อรู้ข่าวว่าเชฟจะมาเปิดร้านอาหารที่กรุงเทพฯ ด้วย
ซึ่งร้าน Blue by Alain Ducasse ที่กรุงเทพฯ จะอยู่ที่ชั้น 1 ของ ICON SIAM ค่ะ
หัวหน้าเชฟของ Blue by Alain Ducasse คือเชฟ Wilfrid Hocquet
อดีตผู้ช่วยของเชฟ Alain Ducasse ที่ได้รับการขัดเกลาฝีมือมาเป็นอย่างดี
รีวิวเต็มรูปแบบ: Blue by Alain Ducasse ICONSIAM ร้านมิชลินหนึ่งดาว
บรรยากาศที่ Blue by Alain Ducasse: ความโรแมนติกภายใน ICONSIAM
พอเดินเข้าไปในร้านจะเจอกับเลาจ์ที่คุณสามารถนั่งดื่มเพลินๆ ก่อนเริ่มเข้าไปทานอาหาร
เลาจ์ของที่นี่จะตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลโทนอุ่น เห็นแล้วก็รู้สึกอบอุ่นตามไปด้วย
พอเดินผ่านโซนเลาจ์มาก็จะพบกับโซนร้านอาหารค่ะ
โซนร้านอาหารตกแต่งด้วยสีน้ำเงินเข้มชวนให้นึกถึงใต้ท้องทะเลลึก
ตามชื่อร้าน “Blue by Alain Ducasse”
ผ้าปูโต๊ะสีขาวล้วนตัดกับสีน้ำเงินเข้มภายในร้านได้อย่างลงตัว
บนเพดานตกแต่งด้วยเส้นโค้งสวยงามเหมือนเป็นคลื่นทะเล
พอลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของร้านจึงได้รู้ว่าเชฟ Alain Ducasse
ประณีตกับการตกแต่งร้านเป็นอย่างมาก
และเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของร้าน พนักงานทุกคนจะสวมเครื่องแบบสีกรมท่า
ทางร้านจะจัดโต๊ะให้หันหน้าไปทางหน้าต่างบานใหญ่ มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
แต่ละโต๊ะจะถูกตั้งให้ห่างจากกันพอสมควร มีความเป็นส่วนตัวดีค่ะ
เป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายอย่างมากกับการได้มองกระแสน้ำไหลเอื่อยแบบไม่มีวันจบของแม่น้ำเจ้าพระยา
รีวิวเมนูจากร้าน Blue by Alain Ducasse
พวกเรามาตอนช่วงกลางวัน เลยได้สั่งเป็น SET LUNCH ราคา 2,550 บาทค่ะ
ในเซ็ตจะแบ่งออกเป็น 5 คอร์ส
รอบนี้เราไม่ได้สั่ง Wine pairing เพราะรอบก่อนที่สั่งมาทานคู่กับชุด Dinner ก็แอบเมาในระดับหนึ่ง
เลยคิดว่าคงไม่เหมาะที่จะดื่มไวน์ตั้งแต่กลางวันแบบนี้
ระหว่างรออาหารเรียกน้ำย่อยมาเสิร์ฟ ก็จะมี Canapé และ Amuse Bouche ให้ทานรอไปพลางๆ ก่อน
โดยจะมี Canapé ทั้งหมด 4 ชนิดและ Amuse Bouche อีก 1 จานค่ะ
เมนู Canapé กับ Amuse Bouche จะเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน
ส่วนมากจึงไม่ได้เขียนระบุไว้ในเมนู
ดิฉันซึ่งเป็นนักรีวิวมักจะชอบจดชื่อเมนูไว้ แต่รอบนี้ฟังชื่อเมนูไม่ทันเลยค่ะ
Canape กับ Amuse Bouche เป็นจานก่อนเริ่มมื้ออาหารที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือของเชฟได้เป็นอย่างดี
ทานแล้วรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยว่าวันนี้เชฟจะเสิร์ฟอาหารแบบไหนมาให้ทาน
รสชาติมีความเป็นเอกลักษณ์ ได้ทั้งรสหวาน เปรี้ยว เค็ม ผสมกันในปากอย่างลงตัว
เหมือนเป็นสัญญาณบอกว่าอีกเดี๋ยวอาหารกลางวันของเราก็จะมาเสิร์ฟแล้ว
ใน 5 คอร์สจะแบ่งออกเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย 3 จาน จานหลัก 1 จาน
และสามารถเลือกของหวานได้ 1 จานจากทั้งหมด 3 ชนิด
คอนเซ็ปต์ของอาหารในครั้งนี้คือ “BRINGING TOGETHER THE BEST OF FRENCH AND THAI CULTURES”
ในธีมฝรั่งเศสแบบร่วมสมัยค่ะ
จานแรกที่มาเสิร์ฟคือ “HOKKAIDO SEA SCALLOPS, rhubarb and rose bud”.
เป็นจานที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม มาในธีมกุหลาบแดงและสีแดงอ่อนๆ ของรูบาร์บ (rhubarb)
ด้านบนจะโปะด้วยรูบาร์บ ส่วนด้านล่างจะเป็นหอยโฮตาเตะ
รูบาร์บที่มีความกรอบสู้ฟัน ความหวานของโฮตาเตะ และความเปรี้ยวที่ผสมอยู่ในจานอบอวลอยู่เต็มปาก
ถือเป็นจานเปิดที่เพอเฟกต์มากเลยค่ะ
จริงๆ แล้วดิฉันไม่รู้จักผักที่ชื่อว่ารูบาร์บมาก่อนเลยจนได้มาเจอกับจานนี้นี่ล่ะค่ะ
เหมือนจะเป็นผักที่หาทานได้ทั่วไปในยุโรป
ส่วนที่ญี่ปุ่นมักจะนำไปใช้เป็นยาสมุนไพรและเพิ่งจะเริ่มนำมาทานกันอย่างแพร่หลายเมื่อเร็วๆ นี้เอง
รสสัมผัสจะคล้ายๆ แรดิชหรือหัวไชเท้า
จานต่อมาคือ “LIGHTY-COOKED SALMON FRENCH BRIOCHE, vin jaune sauce”.
ส่วนผสมหลายอย่างถูกอัดรวมเป็นชั้นๆ สวยงามน่าทาน
มีรสเค็มจากแซลมอนและไข่ปลาแซลมอน เข้ากันได้ดีกับรสเปรี้ยวเบาๆ จาก vin jaune sauce
จานต่อมาคือ “OSBI BLUE SHRIMP, zucchini flower, Cointreau sauce”.
ตัวกุ้งนำเข้าจากนิวซีแลนด์ ผ่านความร้อนมากำลังดี ไม่สุกไม่ดิบจนเกินไป
ดิฉันเคยลองทำตามที่บ้านอยู่หลายครั้ง แต่การจะทำให้สุกได้พอดีแบบนี้ต้องอาศัยความชำนาญจริงๆ ค่ะ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่ดิฉันรู้สึกว่าจานนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอาหารไทยเลย
รสชาติและรสสัมผัสคล้ายกับแกงส้มของไทย
หมดไปแล้วกับอาหารเรียกน้ำย่อย 3 จานของวันนี้ รู้สึกได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นรสเปรี้ยวนำค่ะ
อาหารจานหลักจะเป็น “WELFARE PORK TENDERLOIN, needle beans and sesame”.
พนักงานแนะนำเป็นเนื้อระดับ Medium rare ดิฉันเลยตกลงตามนั้นค่ะ
จานนี้เป็นเมนูที่ทั้งดิฉันทั้งสามีอยากแนะนำให้กับทุกคนที่สุดเลยค่ะ
ดิฉันก็ชอบทำสเต็กหมูทานที่บ้าน แต่การจะทำให้นุ่มแบบนี้ได้มันยากมากจริงๆ นะคะ
รสสัมผัสของเนื้อสันในหมูจะคล้ายกับ ”สเต็กทูน่า” ทั้งนุ่มทั้งชุ่มฉ่ำ
ได้แต่นึกสงสัยว่าต้องทำอย่างไรเนื้อหมูถึงได้ออกมานุ่มชุ่มฉ่ำขนาดนี้
ตัวเนื้อทานคู่กันกับซอสและถั่วลันเตาที่มีรสขมนิดๆ ได้อย่างลงตัว อร่อยมากเลยค่ะ
อาหารโดยรวมแล้วจะมีรสชาติไม่ค่อยจัดมาก
สำหรับดิฉันที่ไม่ชอบกินรสจัดหรือรสเค็มเลยค่อนข้างจะถูกปากเป็นอย่างมากเลยค่ะ
จานสุดท้ายคือของหวาน สามารถเลือกได้จากทั้งหมด 3 ชนิด
ดิฉันไม่ค่อยถูกกับของหวานเท่าไร พนักงานเลยแนะนำเป็นจานที่หวานน้อยที่สุดอย่าง
“VANILLA ICE CREAM ‘FLOOD’ WITH COFFEE from our Manufacture in Paris and praline”,
มาให้ค่ะ
ไอศกรีมที่ไม่หวานเกินไป บวกกับมีกาแฟดำผสมอยู่ด้วย
คนที่ไม่ชอบของหวานก็สามารถทานได้อย่างเอร็ดอร่อยเลยค่ะ
ก่อนกลับก็นั่งดื่มกาแฟคู่กับ Petit Four (ขนมชิ้นเล็กๆ ไว้ทานเล่นหลังอาหาร)
ดื่มด่ำกับบรรยากาศและช่วงเวลาอันแสนวิเศษที่ยังหลงเหลืออยู่
กรุงเทพฯ เป็นเมืองในเอเชียที่มีร้านอาหารระดับมิชลินอยู่เยอะมากจริงๆ
ถ้าทุกคนมีโอกาสมาที่ ICON SIAM ก็อย่าลืมมาลองทานที่ร้านนี้กันดูนะคะ
การแต่งกายเมื่อไปรับประทานที่ Blue by Alain Ducasse
การแต่งกายควรเป็นแบบ Smart Casual
ผู้ชายควรใส่กางเกงขายาวกับรองเท้าหุ้มส้น
แนวทางราคาอาหารที่ Blue by Alain Ducasse ICONSIAM
ราคาของแต่ละเซ็ตมีดังต่อไปนี้
โดยเมนูจะแบ่งออกเป็น Lunch กับ Dinner ตามนี้ค่ะ
SET LUNCH จะมี 5 คอร์ส ส่วน SIGNATURE จะมีทั้งหมด 9 คอร์สค่ะ
สามารถสั่ง Drink Package ร่วมกับ SET LUNCH ได้ด้วย โดยมีเมนูตามนี้ค่ะ
หากเป็น SIGNATURE MENU จะสามารถสั่ง Wine pairing มาดื่มคู่กันได้
ในวันนี้หมดค่าอาหาร SET LUNCH สำหรับ 2 คนไปทั้งหมด 6,900 บาทค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม: Blue by Alain Ducasse ร้านมิชลินที่ ICONSIAM
ที่ตั้ง: Unit L101, 1st Floor, ICONLUXE, ICONSIAM Shopping Centre,
Tel:+66-(0)6-5731-2346
Homepage:
เวลาทำการ
Restaurant & Private Rooms
Lunch :12:00 – 14:00 (Last order)
Dinner :18:00 – 22:00 (Last seating 20:30)
วันหยุดประจำสัปดาห์: วันอังคารและวันพุธ
ที่จอดรถ: มี
กรุณาแสดงความคิดเห็นหากคุณชอบบทความนี้