สวัสดีค่ะทุกคน
ชิฟูมิ มายด้า ผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาชมบล็อก
“รีวิวจริงจากผู้บริหารสาวคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย” นะคะ
วันนี้ดิฉันจะมารีวิวร้าน “WORKSHOP Restaurant” แถวถนนเย็นอากาศค่ะ
ตัวร้านจะตั้งอยู่ข้างร้าน Cagette Canteen & Deli ที่ดิฉันไปทานอยู่บ่อยๆ
เวลาไปทำงานดิฉันมักจะขับผ่านร้าน WORKSHOP Restaurant อยู่บ่อยครั้ง
แต่ดิฉันชอบร้าน Cagette Canteen & Deli มาก ก็เลยยังไม่มีโอกาสได้ลองเข้าร้านนี้เลยค่ะ
WORKSHOP Restaurant เปิดทำการเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2020
ซึ่งหมายความว่าในช่วง 3 ปีตั้งแต่เปิดร้านมานี้ดิฉันยังไม่เคยเข้าไปลองทานเลยสักครั้งค่ะ
เมื่อหลายเดือนก่อน ครอบครัวฮายากะวะที่เพิ่งเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะ
ชื่อ “Kappo Yume (คัปโป ยูเมะ)” ที่ทองหล่อ
ก็ได้มาทานอาหารที่ร้าน WORKSHOP Restaurant ที่ดิฉันรีวิวในวันนี้เช่นกันค่ะ
คุณ “ฮายากาวะ นาโอกิ” เป็นเชฟอาหารญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร
ที่เคยดำรงตำแหน่งเชฟประจำอยู่ที่สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยค่ะ
(ร้าน Kappo Yume (คัปโป ยูเมะ) ของครอบครัวฮายากาวะ)
เป็นร้านที่แม้แต่เชฟยังบอกว่าอร่อย เลยคิดว่าไม่ไปลองสักครั้งก็คงไม่ได้
พอลองไปแล้วก็ติดใจจนเดือนนึงต้องไปซ้ำอีกหลายครั้งเลยค่ะ
เสน่ห์ของ WORKSHOP Restaurant : ร้านของคุณ Clement Hernandez
(เคลมองต์ เฮอร์นานเดซ) เชฟจากร้านระดับมิชลินสตาร์
WORKSHOP Restaurant เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่ให้บรรยากาศสบายๆ
ตั้งอยู่บนถนนเย็นอากาศ เขตสาทร กรุงเทพฯค่ะ
คุณ Clement Hernandez เป็นเชฟชาวฝรั่งเศสที่มีความสามารถ
และได้สั่งสมประสบการณ์กว่า 10 ปีจากร้านระดับมิชลินสตาร์ J’AIME by Jean-Michel Lorain
คุณ Clement Hernandez ตั้งนโยบาย 6 อย่างขึ้นมา
ได้แก่ “Passion (ความกระตือรือร้น), Expertise (ความเชี่ยวชาญ),
Creativity (ความคิดสร้างสรรค์), Quality (คุณภาพ), Honesty (ความซื่อสัตย์),
Sincerity (ความจริงใจ) ซึ่งไม่ได้เน้น Fine Dining แบบเดิมๆ
หรือเพื่อสร้างมุมถ่ายรูปยอดฮิตลงไอจี แต่มุ่งเน้นความเรียบง่ายและความยั่งยืนค่ะ
บรรยากาศภายในร้าน WORKSHOP Restaurant
เป็นทั้งร้านอาหาร แกลลอรี่ และ Creative Space สมตามชื่อ WORKSHOP
เป็นสถานที่ที่ให้มืออาชีพของแต่ละแขนงมาแสดงความคิดสร้างสรรค์
อีกทั้งยังมีจัดนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะอยู่บ่อยครั้งด้วยค่ะ
สไตล์การตกแต่งภายในจะเน้นไปที่ความเรียบง่าย น้อยแต่มาก
และสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศสบายๆ
ท่ามกลางความมีชีวิตชีวาของถนนเย็นอากาศได้จากหน้าต่างบานใหญ่
ด้านในร้านจะมีทั้งห้องแบบส่วนตัวและโต๊ะกลางแจ้ง
สามารถเลือกได้ตามใจชอบค่ะ
รีวิวร้าน WORKSHOP Restaurant
จุดเด่นของร้าน WORKSHOP Restaurant : วัตถุดิบที่เชฟใส่ใจในการคัดสรร
การยึดนโยบายทั้ง 6 ที่กล่าวไปข้างต้น
ร่วมมือกับผู้ผลิตทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยม
และนำมาปรุงอาหารให้ลูกค้าอย่างซื่อสัตย์ จริงใจ
ถือเป็นคติประจำร้าน WORKSHOP Restaurant ค่ะ
อาหารอร่อยแล้วยังใส่ใจในวัตถุดิบ วิธีการปรุง และสุขภาพอีกด้วยค่ะ
ดิฉันรู้สึกว่า “การปรุงรสด้วยเกลือ”
เพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบของร้านนี้ถือว่าทำได้ดีจริงๆค่ะ
อาหารในไทยส่วนมากจะหนักไปทางรสเค็ม
แต่อาหารที่ WORKSHOP Restaurant
จะปรุงรสด้วยเกลือเพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาให้ได้มากที่สุดค่ะ
เมนูแนะนำของ WORKSHOP Restaurant : อาหารที่ควรลิ้มลอง
ตอนที่ดิฉันมาครั้งแรก ดิฉันสั่งเซ็ตอาหารกลางวันมา
เพราะอยากเห็นหน้าตาอาหารโดยรวมค่ะ
นอกจากเมนูที่เป็นเซ็ตแล้วยังมีอาหารจานเดียว
และเมนู Sincere Dining ที่เชฟตั้งใจเสิร์ฟมาใน 1 จานด้วยค่ะ
ดิฉันกับสามีสั่งเป็นแบบ 3 คอร์ส และสั่งไวน์ที่ชอบมาคนละแก้วค่ะ
โดยจะเริ่มมื้ออาหารด้วยขนมปังฝรั่งเศสและคานาเป้ค่ะ
คานาเป้ชีสกับทูน่าค่ะ
รสสัมผัสและรสชาติที่บางเบา ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารในจานที่จะมาเสิร์ฟหลังจากนี้
จานแรกสำหรับ 3 คอร์สนี้คืออาหารเรียกน้ำย่อย
ซึ่งดิฉันเลือกกุ้งที่เป็นของโปรดอยู่แล้วค่ะ
หน้าตาสวยงามน่าทาน จึงเผลอส่งเสียงดีใจออกไปโดยไม่รู้ตัวเลยค่ะ
การควบคุมไฟในการปรุงกุ้งค่อนข้างยาก แต่กุ้งที่ออกมาสุกกำลังดีแบบไร้ที่ติด
อร่อยจนเผลอหลับตาลิ้มรสหวานของกุ้งเลยค่ะ
ส่วนสามีสั่งเป็น Crab and Prawn Bisque (ซุปข้นปูและกุ้งแก้ว) ค่ะ
หน้าตาดูเรียบง่าย แต่ตอนที่ยกมาเสิร์ฟมีกลิ่นหอมของกุ้งกับปูลอยมาเลยค่ะ
ต่อมาที่อาหารจานหลักคือ Confit Duck Leg (ขาเป็ดกงฟี) ของโปรดของดิฉันค่ะ
ข้างนอกกรอบ ส่วนข้างในชุ่มฉ่ำ
รสชาติของซอสไม่หนักจนเกินไป
เป็นความอร่อยที่ช่วยเสริมรสชาติของเนื้อเป็ดค่ะ
ส่วนของสามีสั่งเป็น Braised Beef Cheek (แก้มวัวตุ๋น) ค่ะ
ตุ๋นมาได้เข้าเนื้อดีมาก ทานแล้วละลายในปากเลยค่ะ
เป็นจานที่เหมาะจะทานคู่กับไวน์แดง
ผักที่นำมาแต่งจานก็มีรสหวานตามธรรมชาติ
อีกทั้งมันบดก็อร่อยมากเลยค่ะ
ปิดท้ายกันที่เมนูของหวาน ถึงแม้ดิฉันจะไม่ค่อยทานของหวาน
แต่ของหวานของ WORKSHOP Restaurant เป็นแบบหวานน้อยค่ะ
สามารถเลือกของหวานที่อยากทานได้จากเมนู À la carte ค่ะ
ดิฉันสั่งเป็น Spiced Fig (มะเดื่อฝรั่งปรุงรส) ค่ะ
เป็นของหวานที่ทำจากมะเดื่อฝรั่งที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นชินนาม่อน
เป็นเมนูที่คนที่ไม่ทานของหวานก็สามารถทานได้อย่างเอร็ดอร่อยค่ะ
ตัวไอศกรีมเป็นรสขิง ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นไปทั้งปากเลยค่ะ
ส่วนสามีชอบทานของหวาน เลยชอบสั่งเป็นเมนูช็อกโกแลตค่ะ
รอบนี้สั่งเป็น Chocolate Mousse (มูสช็อกโกแลต)
มูสช็อกโกแลตหวานกำลังดี ไม่เลี่ยน เลยทานได้จนหมดแบบไม่เบื่อเลยค่ะ
หลังจากมาทานครั้งแรก สามีก็ดูติดใจเลยมาซ้ำอีกหลายครั้ง
แล้วก็สั่งของหวานเป็นมูสช็อกโกแลตตลอด
เลยคิดว่าน่าจะอร่อยถูกใจมากๆ เลยค่ะ
ตอนแรกที่มาดิฉันสั่งเป็นเซ็ตเมนู
แต่หลังจากนั้นจะสั่งอาหารจานเดียวอยู่บ่อยๆค่ะ
หลังจากนี้ดิฉันจะขอแนะนำเมนูที่ชอบเป็นการส่วนตัวนะคะ
เมนูแรกคือ “รีซอตโตปู” เป็นจานที่ใช้เนื้อปูสดใหม่อัดแน่นเต็มจานเลยค่ะ
หากเนื้อปูไม่สด และปรุงได้ไม่ดี จะทำให้มีกลิ่นเหม็นได้
แต่รีซอตโตจานนี้ไม่มีกลิ่นเหม็นเลยแม้แต่นิดเดียว สามารถทานได้อย่างอร่อยค่ะ
ต่อมาเป็นเนื้อแกะตุ๋นค่ะ เป็นอีกหนึ่งจานที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ
รสเค็มและซอสเข้ากันได้ดีอย่างลงตัว ทานแล้วละลายในปากเลยค่ะ
เคยได้ยินมาว่าอาหารประเภทตุ๋นเป็นอาหารที่ทำทานกันทั่วไปในฝรั่งเศส
การ์ปัชโชหมึกก็อร่อยค่ะ
รสชาติมีความเรียบง่ายที่อร่อยสดชื่นค่ะ
ต่อมาคือจานโปรดของสามี “การ์ปัชโชเนื้อวัว” ได้กลิ่นหอมของถั่วชัดเจน
ดิฉันเคยทานการ์ปัชโชเนื้อวัวมาหลายร้าน
แต่รู้สึกว่าการ์ปัชโชของร้านนี้จะมีรสชาติที่เรียบง่ายแต่นุ่มลึกค่ะ
ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ทุกท่านได้มาลองทานอาหารที่อร่อย
และมีให้เลือกมากมายที่ร้าน WORKSHOP Restaurant นะคะ
การแต่งกาย (Dress code): แต่งตัวอย่างไรดี?
ทางร้านไม่ได้กำหนด Dress code ไว้
จะแต่งตัวอย่างไรก็สามารถมาทานได้หมดเลยค่ะ
ราคาอาหารของร้าน WORKSHOP Restaurant
เซ็ตอาหารกลางวัน 2 คอร์ส ราคา 500 บาท
3 คอร์ส ราคา 650 บาท
SINCERE DINING 4 คอร์ส ราคา 1,000 บาท
Wine Pairing ราคา 600 บาท
ราคาอาหารจานเดียว (À la carte) จะอยู่ที่ประมาณ 350 บาทต่อ 1 จานค่ะ
ไวน์ 1 ขวดจะเริ่มต้นที่ 1,300 บาท สั่งเป็นแก้วจะเริ่มต้นที่ 270 บาท
+ VAT 7% กับ Service charge 10% ค่ะ
จุดเด่นและจุดด้อยของร้าน WORKSHOP Restaurant
จุดเด่นของร้าน WORKSHOP Restaurant
จุดด้อยของร้าน WORKSHOP Restaurant
สรุปความคิดเห็นเกี่ยบกับร้าน WORKSHOP Restaurant
ดิฉันรู้สึกประทับใจในอาหารหลายๆ
จานที่เชฟ Clement Hernandez ผู้สั่งสมประสบการณ์จากร้านระดับมิชลินสตาร์
ได้ใส่ใจและพิถีพิถันในการรังสรรค์ขึ้นมาให้ได้ลองทานมากค่ะ
ตอนกลางวันจะให้บรรยากาศแบบเป็นกันเอง
ส่วนตอนกลางคืนจะเป็นร้านอาหารที่ให้บรรยากาศแบบผู้ใหญ่
เหมาะทั้งมาทานกันเป็นครอบครัว คู่รัก หรือในเชิงธุรกิจก็ได้
ด้วยความที่ดิฉันอาศัยอยู่แถวถนนเย็นอากาศอยู่แล้ว
เลยรู้สึกดีใจมากที่มีร้านอาหารอร่อยเพิ่มขึ้นมาอีกค่ะ
รายละเอียดร้าน WORKSHOP Restaurant : ถนนเย็นอากาศ เขตสาทร
ที่ตั้ง : 15, 1 ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120
เบอร์ติดต่อ: 02-634-5850
FB:https://www.facebook.com/WorkshopYenakart
Homepage:https://workshop.co.th/
BOOK NOWวันอังคาร – วันอาทิตย์ : 11:00-15:00, 17:00-23:00
วันหยุด : วันจันทร์
ที่จอดรถ: มี (มีบริการรับจอดรถค่ะ)
กรุณาแสดงความคิดเห็นหากคุณชอบบทความนี้